Skip to main content

Chapter 3: Aspect of language กับการเรียนภาษา

Submitted by krishrong on
  • โดยปกติ เด็กจะเริ่มเรียนรู้ภาษา จากการฟัง-พูด ก่อนการอ่าน-เขียน แต่สำหรับผู้ใหญ่ การเริ่มเรียนจากการฟัง-พูด ก่อน อ่าน-เขียน เหมือนเด็ก ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องนัก เพราะ ภาษาอังกฤษ มีคำมากมาย ที่อ่านออกเสียงไม่ตรงกับตัวอักษร
    • เพราะ ภาษาอังกฤษ เต็มไปด้วยข้อยกเว้นในเรื่องของคำอ่านออกเสียง มีหลายๆคำเขียนต่างกัน แต่ออกเสียงเหมือนกัน
  • ในผู้ใหญ่ สามารถใช้ทักษะการอ่าน มาช่วยให้การพูดดีขึ้นได้ โดยเรียนไปพร้อมๆกัน โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้นเรียนภาษา ซึ่งเมื่อชำนาญมากขึ้น หรือ เลื่อนไปในระดับการเรียนที่ยากขึ้น ก็สามารถเปลี่ยนมาฝึกแยกกันได้ เช่น ฝึกฟัง-พูด โดยไม่มีการอ่านช่วย หรืออ่านอย่างเดียวโดยไม่ออกเสียง เป็นต้น
    • ในการเริ่มต้นเรียนภาษา แนะนำให้เรียนด้านการพูดและการอ่านไปพร้อมๆกัน เช่น ด้วยการอ่านออกเสียง เป็นต้น
  • ความยาก-ง่าย ของการเรียนแต่ละภาษา ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับใกล้เคียงกันของภาษาแรกของผู้เรียน เช่น คนไทย ก็จะเรียนภาษาลาว เขมรได้ง่ายกว่า อังกฤษ และ คนที่ภาษาเดิม คือ อังกฤษ ก็จะเรียนภาษาสเปน อิตาลี ได้ง่ายกว่าจีน เป็นต้น
  • ทักษะทางภาษาที่ต้องฝึก สามารถแบ่งได้เป็น 2 แบบ หลักๆ คือ Fluency กับ Proficiency
    • Fluency คือ การใช้ภาษาได้คล่อง ไหลลื่น แต่ไม่ได้แปลว่าจะเชี่ยวชาญ เช่น คนที่มีการศึกษาไม่สูง แต่ก็พูดภาษาของตัวเองได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ก็ไม่ได้เชี่ยวชาญการใช้ภาษาเขียน หรือ ภาษาทางการ เป็นต้น
      • สามารถฝึกได้จากการฟังเพลง การดูหนัง การฝึกภาษาพูด conversation หลากหลายแนว
    • Proficiency คือ ความเชี่ยวชาญในการใช้ภาษา สามารถใช้ภาษาได้ถูกหลักไวยากรณ์ หรือ ใช้ได้ทั้ง Formal และ Informal เช่น คนที่ไม่ใช่ Native อาจจะไม่ได้พูดไหลลื่นเท่ากับเจ้าของภาษา แต่สามารถใช้ภาษาได้ถูกหลักไวยากรณ์ โดยเฉพาะภาษาทางการ เป็นต้น
      • สามารถฝึกได้จากการอ่านตำราทางวิชาการต่างๆ อ่าน/ฟังข่าว