Skip to main content

Becoming Fluent - เทคนิคการเรียนภาษา แบบมีวิทยาศาสตร์รับรอง

Submitted by krishrong on

โดยส่วนตัวพยายามฝึกภาษาอังกฤษมาหลายปี(6ปี) แต่ก็ไม่สามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจสักที แม้จะฝึกอ่านจนอ่านได้เร็วขึ้น อ่านเนื้อหาหลากหลายหมวดมากขึ้น แต่ความสามารถในด้านการฟัง พูด เขียน ก็ยังมีปัญหาพอสมควร(แม้จะพัฒนาขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถอยู่ในระดับที่พึ่งพาได้)

เจอหนังสือน่าสนใจ ชื่อว่า Becoming Fluent - How Cognitive Science Can Help Adults Learn a Foreign Language คิดว่าน่าจะลองอ่านดูว่าตัวเองพลาดไปตรงไหน เป็นหนังสือที่รวบรวม หลักฐานงานวิจัยต่างๆ เพื่อช่วยในการเรียนภาษาสำหรับผู้ใหญ่ ให้ถูกวิธีและง่ายมากขึ้น

อันนี้จะสรุปเนื้อหาเท่าที่ตัวเองสนใจ

  • การชำนาญในภาษาหนึ่งๆ(Mastery in language) ไม่ได้มีหนทางที่ง่ายดาย คนที่เก่งภาษา ที่ใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว ต้องสะสมการใช้งาน/การฝึกฝน มามากมาย ไม่มีใครที่จะสามารถใช้ภาษาได้อย่างสละสลวย เป็นธรรมชาติ ด้วยช่วงเวลาเรียนรู้อันสั้น มีแต่ต้องสะสม เรียนรู้มาเรื่อยๆ
  • หนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นทางลัดให้เก่งภาษาได้เร็วขึ้น แต่รวบรวมวิธีที่ทำให้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ สนุกขึ้น จนกระทั่งสำเร็จตามเป้าหมายการเรียนภาษาที่วางไว้ในที่สุด

Myth(ความเชื่อผิดๆ)

  1. ผู้ใหญ่เรียนภาษาไม่ง่ายเท่าเด็ก - เด็กมีเพียง 2 อย่างที่เหนือกว่า คือ เรื่องสำเนียง และ ไม่มีความกังวลในการใช้ภาษา แต่ในเรื่องอื่น จริงๆมีหลักฐาน(evidence)มากมายว่า ผู้ใหญ่ เรียนภาษาได้ง่ายกว่าเด็ก เพราะ ผู้ใหญ่มีประสบการณ์ในการเรียนรู้มากกว่า
  2. ผู้ใหญ่ควรเรียนภาษาในแบบที่เด็กเรียน - จริงๆ สมองผู้ใหญ่ไม่เหมือนกับเด็ก ไม่จำเป็นต้องทิ้งความคิด ตรรกะ เหตุผล ในการทำความเข้าใจภาษา ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบอย่างมากในการเรียนของผู้ใหญ่ เพื่อไปเรียนด้วยการซึมซับไม่ใช้เหตุผลของเด็ก(แบบ Native user)
  3. เวลาเรียนภาษา ห้ามแปลกลับเป็นภาษาเดิม - เราสามารถใช้ความเข้าใจในภาษาเดิมของเรา มาช่วยในการเรียนภาษาใหม่ให้ง่ายขึ้นได้ ไม่จำเป็นต้องเรียนในภาษาใหม่อย่างเดียว เช่น บางคำศัพท์ในภาษาใหม่ มีคำในภาษาเดิมของเราที่สื่อความหมายได้ตรงกัน(transferable) ถ้าอ่านคำแปล ก็ช่วยให้เราทำความเข้าใจคำศัพท์ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องลำบากแปลในความหมายของภาษาใหม่ เป็นต้น
    1. ทั้งนี้อาจจะสื่อความหมายไม่ได้ตรงกันทุกคำ แต่มันก็จะช่วยให้เราเข้าใจง่ายขึ้นในหลายๆคำศัพท์
    2. แต่อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวชอบแบบ แปล eng-eng มากกว่า เพราะ เหมือนทำให้พัฒนาได้มากกว่านะ เราต้องใช้สมองเชื่อมโยงคำศัพท์ แปลgrammarมากขึ้น(จริงๆ ใช้แต่ eng-eng เลยล่ะ ไม่ใช้ eng-thai)

Add new comment

The content of this field is kept private and will not be shown publicly.

Plain text

  • No HTML tags allowed.
  • Lines and paragraphs break automatically.
  • Web page addresses and email addresses turn into links automatically.