4 ก.ค.
- วันนี้วิ่ง HIIT ไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่ แต่ก็พยายามวิ่ง ก็วิ่งจนหอบพอสมควรอยู่นะ แต่ HR ไม่ถึง vo2 max
- แต่วันนี้สมาธิดีมาก แม้จะไม่ได้นั่งสมาธิตอนเช้า
- ไม่ได้ดื่มกาแฟ แต่พอวิ่ง HIIT แล้ว อาการสมาธิสั้นก็ดีขึ้นนะ
- เหมือนกับว่าอาการทางกล้ามเนื้อตาจะยังอยู่ เพราะ ไม่สามารถอ่านหนังสือจาก kindle scribe ได้ดีเท่าไหร่ (แม้จะสบายตา แต่ struggle มาหลายวันแล้ว) แต่อ่านจาก หน้าจอ Macbook กลับอ่านได้ดีมาก รับข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว แม้จะแสบตากว่าก็ตาม
- ตอนนี้เริ่มกลับมาอ่านข่าว reuters แล้ว มีอะไรให้รู้เพิ่มเติมตลอดเลย ทุกครั้งที่อ่านข่าว อย่างตอนนี้ก็มีข่าวเลือกตั้ง UK Prime minister ทำให้ได้รู้ว่า UK ประกอบขึ้นจาก 4 ประเทศด้วยกัน คือ England, Wales, Scotland, Northern Ireland
- อ่านไปยิ้มไป เพราะ ได้ความรู้มากขึ้นตลอดๆ คุ้มค่ากับเวลาที่ใช้
- ส่วนการเทรด Technical ก็ดูกราฟรัวๆ แล้วปั่นใน port demo เพื่อ Testing การเทรด
3 ก.ค.
- วันนี้วิ่งแบบ HIIT มีแรงมากขึ้น(หลังจากเมื่อวานพักมา) จนต้องหยุดหอบหายใจ HR แต่ไม่ถึง vo2 max นะ
- ไม่ได้ดื่มกาแฟ เพราะ ได้ยินว่ามันลด blood flow to brain
- สมาธิดีมาก อยู่กับตัวเองได้ ไม่สนใจคนอื่น
- เมื่อคืนนอนดึกเที่ยงคืน 6 ชม
- นั่งสมาธิได้ดีพอควร
- วันนี้ยังคงอ่านตำรา Technical ต่อ
- ข้อสังเกตคือ เหมือนเราไม่สามารถตกผลึกได้เท่าไหร่(แต่ก็ยังได้เทคนิคเยอะนะ) ต่างจากตำราเทรดที่สอนเรื่อง fundamental ด้วย จะตกผลึกได้ดีกว่า
2 ก.ค.
- วันนี้พักการวิ่ง แค่ strength training (push up and sit up)
- feel slower in touch typing
- less energetic
- Drink coffee
- Doing meditation, not bad but not great either, just mediocre
- สาเหตุหนึ่งที่เราไม่ได้ศึกษา programming คือ เราไม่ได้อ่านหนังสือ คิดว่าตัวเองรู้แล้ว แต่ถ้าเราไม่ได้อ่านหนังสือ เราก็ไม่มีข้อมูลหรือความรู้ หรือไอเดียอะไร จะไปสร้างโปรแกรม
- อย่าคิดเอาเอง ให้อ่านหนังสือ!!!!
- เมื่อวานอ่านหนังสือ ผ่าน kindle scribe อ่านหนังสือได้สบายตาทั้งวัน แล้วมาลองใช้หน้าจอ Macbook รู้เลยว่าแสบตามาก ส่วนวันนี้ลองใช้หน้าจอ laptop ที่เป็น DC dimming ก็ยังแสบตาเหมือนกัน
- แต่เหมือนเมื่อก่อนทนได้ เพราะอ่านจากหน้าจอทุกวันจนปรับตัวได้ แต่พอเริ่มปรับตัวกับการอ่านแบบ e-reader ได้ ก็กลับกลายเป็นแสบตาเวลาอ่านจากหน้าจอแทน
- ช่วงที่ผ่านมา พยายามจะเขียนบทความลง reddit เกี่ยวกับการที่ตัวเองลอก Anti glare layer ของ kindle scribe ออก แล้วทำให้อ่านหนังสือได้ดีขึ้น แบบสุดๆ (จนตอนนี้อ่านจนติดไปแล้ว พกไปทุกที่)
- พอฝึกเขียนภาษาอังกฤษมากๆ ทักษะการพูดก็ดีขึ้นบ้าง มั่นใจขึ้น เพราะ เคยฝึกใช้ประโยคเหล่านั้นมาก่อน แม้จะเป็นในการเขียนก็ตาม
- เราน่าจะต้องหากิจกรรมที่ทำให้ต้องเขียนภาษาอังกฤษเยอะๆ
- ถ้าบังคับตัวเองให้ไป พูดหรือไปสื่อสาร กับคนอื่น อาจจะไม่สำเร็จ เพราะ เราไม่ชอบ เหมือนเป็นการถูกทำโทษมากกว่า
- ถ้ากิจกรรมที่ชอบ คือ การค้นพบอะไรบางอย่าง แล้วอยากจะเล่าให้คนอื่นฟัง อันนี้ชอบ เพราะ รู้สึกสนุก
- วันนี้สมาธิไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เหมือนสิ่งแวดล้อมรอบๆมีผลมาก แต่พอฟังเพลง ตัดตัวเองออกจากสิ่งแวดล้อมภายนอก ก็กลับมาอ่านหนังสือได้
- จริงๆอาจไม่สำคัญว่าเราอ่านอะไร แต่ขอให้มีสมาธิอ่าน นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด
- แม้สิ่งที่เราอ่านจะง่าย กระจอก แต่ถ้ามันเป็นการเปิดทางสู่สิ่งที่ยากขึ้น สิ่งที่ง่ายนั้นก็สำคัญสำหรับเรา
- ไม่สำคัญว่าง่าย หรือยาก ถ้ามันสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ ตามความสามารถที่เรามี สิ่งนั้นก็เหมาะสมกับเรา สิ่งสำคัญคือเราต้องมีสมาธิกับมัน ถ้าไม่มีสมาธิอ่าน ไม่ว่าง่ายหรือยากก็ไม่เกิดประโยชน์ทั้งหมด
- เหมือนพออ่านไปมากๆ สมองจะตัน รับเพิ่มไม่ได้ ถ้าเปลี่ยนวิชาจะทำให้ยังสามารถอ่านต่อได้นะ
- หรือสามารถสรุป short note ต่อได้นะ
1 ก.ค.
- วันนี้วิ่ง HIIT ได้ HR>170 1min แต่ก็ไม่ได้มีแรงมากเท่าไหร่
- ช่วงนี้พิมพ์สัมผัสค่อยๆช้าลงแล้วนะ เกิดอะไรขึ้น? หมายความว่าที่วิ่งไม่ได้ผลหรือเปล่านะ?? หรือวิ่งบ่อยเกินไป จนไม่ถึง VO2 max
- เมื่อคืน นอนเที่ยงคืน มี project การลอก Antiglare layer ของ kindle scribe
- ดื่มกาแฟ
- ยังเถียงแม่อยู่บ้าง ต้องพยายามสงบและมีสติมากกว่านี้
- วันไหนที่ไม่เถียงแม่ วันนั้นจิตใจจะปกติ แต่วันไหนที่เถียงแม่ วันนั้น จิตใจจะกระสับกระส่าย ไม่ปกติ
- ในความรู้สึกของการเลือกหนทางชีวิตเองที่ผ่านมา คือ ต่อให้หนทางชีวิตของเราเต็มไปด้วยความรู้สึกสิ้นหวังอยู่ตรงหน้า ทุกอย่างที่แสนหนักหน่วงถาโถมเข้ามา แต่เราในตอนนี้ พัฒนาขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะ
- แล้วมันดีไหมนะ? โดยความรู้สึกคือคนรอบข้างบอกว่าไม่ดี แต่สิ่งที่เราเป็นคือ พัฒนาขึ้นอย่างมากมาย
Comments