การดูคลิปวีดีโอ แม้ว่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการรับข้อมูล ที่สามารถเข้าใจง่าย เห็นภาพจริง มีประโยชน์มากเวลาดูวีดีโอสาธิตต่างๆ ไปจนถึงสารคดี
แต่ทั้งนี้ การดูวีดีโอ มีข้อจำกัดอย่างหนึ่งที่สำคัญ คือ สมองเราไม่ต้องใช้ความพยายามในการแปลข้อมูล เหมือนมีคนแปลข้อความมาให้เราแล้ว เราได้แต่นั่งเฉยๆ แล้วดูและฟังคนป้อนข้อมูลไปเรื่อยๆ ซึ่งมันไม่ค่อยดีต่อธรรมชาติของสมองเท่าไหร่ เพราะ หากเราชินกับการรับข้อมูลแบบนี้ สมองเราแทบจะ ไม่ได้คิดกลั่นกรองข้อมูลด้วยตนเองเลย และหากชินมากเข้าๆ อาจยิ่งคิดด้วยตัวเองน้อยลง หาข้อมูลและวิเคราะห์ด้วยตนเองไม่ได้ ส่งผลให้ต้องรอให้มีคนมาบอกว่าอะไรดี อะไรไม่ดี และอาจถูกหลอกด้วยข้อมูลผิดๆได้ง่าย(เหมือนคนไม่เคยฝึก วิธีการหาอาหารด้วยตนเองเลย รอแต่คนหามาป้อนให้)
นอกจากนี้ก็มีข้อจำกัดอื่นๆ เช่น ความเร็วในการรับข้อมูล ขึ้นอยู่กับผู้ทำคลิปนั้นๆจะนำเสนอ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสามารถของเรา ถึงแม้จะปรับเร่งความเร็วได้ แต่บางช่วงเราอาจจะอยากให้ช้าลงหรือเร็วขึ้น ตามระดับสมาธิที่เรามี ก็ทำได้ไม่สะดวก นอกจากนี้ หากเราอยากกรอข้ามไปยังเนื้อหาที่เราสนใจ ก็ทำได้ยาก เพราะ ไม่รู้ว่าจะกรอไปตรงไหนแน่(ถึงแม้จะมี timeline บอก ก็ไม่ใช่ทุกคลิป) ซึ่งในระยะยาวอาจทำให้เสียเวลาในการดูฟังมากกว่า แต่ได้ข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์จริงๆ ในปริมาณที่น้อย
ในระยะแรกๆ เราอาจจะยังแยกออกว่า คลิปไหนมีสาระ ไม่มีสาระ แต่ถึงแม้จะยังแยกออกว่าไม่มีสาระ ก็เสียเวลาชีวิตไปนั่งดู,ฟังไปเยอะแล้ว แต่หากดู,ฟังจนชิน เราจะเริ่มขี้เกียจหรือขาดการแยกแยะไป และ ปล่อยให้ข้อมูลไม่ว่าจะถูกหรือผิดก็ดูไปหมด กลายเป็นการดูเรื่อยเปื่อย นั่นคือความเสียหายอย่างใหญ่หลวงกับชีวิตแล้ว
โดยส่วนตัว จึงคิดว่าเราไม่ควรรับข้อมูลด้วยวิธีนี้มากนัก ควรจำกัดเวลาต่อวัน และ สำหรับวิธีการที่ทำให้สมองได้ฝึกการกลั่นกรอง คิดวิเคราะห์ด้วยตัวเอง คือ การอ่าน ซึ่งหากเราฝึกมากๆ เราสามารถเพิ่มความเร็วในการอ่านด้วยตนเองได้ และยังได้ฝึกสมองให้รู้จักคิดวิเคราะห์ ซึ่งแน่นอนว่า แรกๆมันไม่ได้ง่ายเหมือนการนั่งดูวีดีโอเฉยๆไปเรื่อยๆ แต่มันจะช่วยพัฒนาให้เราเก่งขึ้นได้จริง
Add new comment