7 ธ.ค.
- ตอนนี้ปัญหาในการที่เราอยู่บ้านกับคนที่บ้าน คือ
- ส่วนใหญ่มักจะเป็นปัญหาที่เราคิดไปเองมากกว่า เช่น สิ่งแวดล้อม-ผู้คนในชุมชน ซึ่งถ้าเราไม่ได้ยุ่งกับใคร ก็คงไม่มีใครมีความสามารถมากพอจะมายุ่งกับเรา
- รวมถึงบางคนที่บ้านเรามีทัศนคติแปลกๆ และทำเรื่องไร้สาระกับชีวิต ก็เป็นเรื่องของคนๆหนึ่ง ที่ไม่ได้มีความรู้ไม่ได้เรียนมาเยอะ ไม่ได้ฝึกคิดแบบเป็นหลักเหตุผล ไม่ได้ส่งผลกับเราขนาดนั้น เพียงแต่ต้องพยายามไม่ให้ใครมามีอิทธิพลควบคุมชีวิตเราได้ รวมถึงพยายามหาที่ส่วนตัว
- เรื่องการอ่านหนังสือเตรียมสอบ ก็ดูเหมือนจะไม่มีใครมามีผลกับชีวิตเราได้ ตราบใดที่เราไม่เอาเวลาไปเถียงกับคนอื่น สงบวาจา และเอาเวลามานั่งอ่านหนังสือ
- ที่บ้านยังถือเป็นสิ่งแวดล้อมปกติ ที่ยังสามารถอ่านหนังสือ พัฒนาตนเองต่อได้ โดยหลักๆ คือ มีพื้นที่ส่วนตัว ที่ไม่ค่อยมีใครมายุ่งกับกิจวัตรประจำวันของเราได้ แต่ถ้าอยากให้สะดวกจริงๆ ก็อยู่คนเดียวนั่นแหละ แต่หลายๆอย่างมันเป็นเพียงกิจวัตรที่ทำได้ง่ายอยู่แล้ว ไม่ได้ต้องหาสิ่งแวดล้อมพิเศษ เช่น กินวันละมื้อ, นอน 4ชม(ลองหาวิธีที่ทำให้ตื่นเองได้ โดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุกรบกวนคนอื่น), ออกกำลังกายเป็นประจำ เป็นต้น
- แต่อย่างไรก็ตาม การอยู่หอใกล้มหา'ลัย จะช่วยเพิ่มโอกาสการเรียนรู้ได้มากกว่า 2-3 เท่า ทั้งประหยัดเวลาเดินทางหลายชม.ต่อวัน มี Textbook ดีๆมากมายให้ยืมไปอ่าน และไม่ต้องแบกไปไกล จะทำให้สะดวกต่อการเรียนรู้มากๆ เวลาและแรงที่ประหยัดได้จากการไม่ต้องเดินทางไกล ก็เอาไปอ่านหนังสือ ฝึกทำงานพิเศษ ทำโปรเจคได้อีก อะไรมันจะดีขนาดนี้นะ
- เริ่มใช้ kindle scribe อ่าน textbook แล้ว ก็โอเคนะ โดยถ้าปรับ contrast สูงสุด จะช่วยให้อ่านง่ายขึ้น
6 ธ.ค.
- อยากจะซื้อซิมเน็ต 4G มาใช้ กับserver คิดว่าน่าจะไม่ซื้อ router 4G เพิ่ม เพราะ มีมือถือเครื่องเก่าที่ไม่ได้ใช้งานอยู่ เอามาทำได้เลย สาเหตุที่ router 4G มีราคาประมาณนึง(พัน+) เพราะมันต้องมีตัวรับสัญญาณ 4G ถ้าแบบนั้นใช้ที่มีอยู่ในมือถือก็ได้แฮะ มันก็โอเคอยู่แหละ ถ้ากลัวมือถือแบตเสื่อมก็เอาแบตออกได้แล้วเสียบไฟ 24 ชม
- เริ่มรู้สึกว่าเริ่มไม่มีสมาธิในการอ่านหนังสือได้เหมือนเดิม ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย? และ ขยับตัวหรือเปล่านะ? หรือ ว่าเป็นเพราะ อ่านจากหน้าจอ?
- หรือเกี่ยวกับการที่เรายังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับแว่นตาใหม่ได้นะ เนื่องจากเรามีปัญหาเรื่องระบบการเพ่งของเลนส์ตา(accommodation) แม้จะลดค่าสายตาลงแต่ก็ใช้เวลาปรับตัวนานอยู่ดี ถ้าหากปรับตัวไม่ได้ อ่านหนังสือถอดแว่นน่าจะสบายตากว่า และอ่านได้ทั้งวันโดยไม่รู้สึกเมื่อยล้าสายตา ส่วนในชีวิตประจำวัน ถ้าอยากเห็นสิ่งแวดล้อมภายนอก ก็ค่อยใส่แว่น(แต่จะให้ความสำคัญกับการอ่านหนังสือมากที่สุด ถ้าจำเป็นจะเลือกอ่านหนังสือก่อน แม้จะมองเห็นได้ไกลแต่ไม่มีความรู้ ต่อให้มีโอกาสอยู่ตรงหน้าก็มองไม่เห็น)
- ทดลองเล่นเกมส์ พบว่า ถ้าใส่แว่นจะเล่นได้ดีกว่า เพราะ เนื่องจากมีสายตาเอียง จะเบลอทุกระยะ ถ้าใส่แว่นจะทำให้การมองเห็นดีขึ้น ทำคะแนนได้ดีกว่า คิดว่าไม่เกี่ยวกับแว่น
- แต่เกิดจากสาเหตุหลักคือ อ่านหนังสือจากหน้าจอเป็นเวลานาน
- หรือเกี่ยวกับการที่เรายังไม่สามารถปรับตัวเข้ากับแว่นตาใหม่ได้นะ เนื่องจากเรามีปัญหาเรื่องระบบการเพ่งของเลนส์ตา(accommodation) แม้จะลดค่าสายตาลงแต่ก็ใช้เวลาปรับตัวนานอยู่ดี ถ้าหากปรับตัวไม่ได้ อ่านหนังสือถอดแว่นน่าจะสบายตากว่า และอ่านได้ทั้งวันโดยไม่รู้สึกเมื่อยล้าสายตา ส่วนในชีวิตประจำวัน ถ้าอยากเห็นสิ่งแวดล้อมภายนอก ก็ค่อยใส่แว่น(แต่จะให้ความสำคัญกับการอ่านหนังสือมากที่สุด ถ้าจำเป็นจะเลือกอ่านหนังสือก่อน แม้จะมองเห็นได้ไกลแต่ไม่มีความรู้ ต่อให้มีโอกาสอยู่ตรงหน้าก็มองไม่เห็น)
- หลังจากที่ได้ลองอ่านนิยายภาษาอังกฤษ แบบเดาคำศัพท์ ก็พบว่าอ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง และได้รู้ว่า ศัพท์ที่ตนเองรู้นั้น ถือว่าน้อยมากและไม่เพียงพอจริงๆ น่าจะต้องกลับมาอ่านแบบคำต่อคำ ทำความเข้าใจให้ได้มากที่สุด เพราะ ถ้าอ่านเข้าใจ สมองจึงจะเกิดการเรียนรู้และจดจำจริงๆ แต่ถ้าอ่านไม่เข้าใจ อ่านผ่านๆ อ่านข้ามๆไป ก็จะไม่มีอะไรพัฒนาขึ้น
5ธ.ค.
- กลับมาพักที่บ้าน แต่ก็ยังคงจ่ายค่าอยู่อาศัยให้ที่บ้าน เพราะ ถือว่าเป็นการดำเนินชีวิตของเราเอง ห้ามไม่ให้ใครก็ตาม มายุ่งกับวิถีชีวิตเรา(วิถีชีวิตที่เราคิดว่า ส่งเสริมการพัฒนาตนเองของเรา มากที่สุดแล้ว) ถ้ามีการรบกวนกันเมื่อไหร่ เราก็จะจากไปอยู่ที่อื่น อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งของการรับผิดชอบชีวิตตัวเอง
- Qualcomm X Elite แรงกว่า M2 pro ทีแรกสนใจ M1 pro แต่ถ้า Qualcomm แรงขนาดนี้ คิดว่ารอดีกว่า เพราะ ยังสามารถใช้ Linux ได้ด้วย น่าจะสะดวกมากๆ ทั้งนี้การฝึกเขียนโปรแกรมขั้นต้น Hardware แทบไม่มีผลอะไร จะใช้ถูกๆไปก่อนก็ได้ พอทำเป็นวิชาชีพอย่างจริงจังค่อยอัพเกรด
- น่าจะลองอ่านนิยายภาษาอังกฤษ แทนการเล่นเกมส์เพลินๆเสียเวลาไปเปล่า โดยการอ่านก็เน้นฝึกอ่านแบบใช้บริบท(Context) และ โครงสร้างประโยค(Grammar)ในการช่วยตีความหมาย เพื่อให้อ่านได้โดยไม่ต้องเปิด dictionary ทั้งนี้ อาจเข้าใจหรือไม่เข้าใจความหมายบ้างก็ไม่เป็นไร(เพราะ อ่านนิยาย ไม่ต้องเน้นสาระมาก) แต่เน้นความลื่นไหลและความสนุกของเนื้อหา
4 ธ.ค.
- เนื่องจากว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย ก็น่าจะต้องลด Calories ลง เหลือประมาณ 1,200-1,500 kcal แล้วกัน
- มีรีวิว การนอน วันละ 4 ชม 100 วัน https://www.youtube.com/watch?v=kiEBvvNpXxg
- การนอนน้อยทำให้ การฟื้นตัวจากการออกกำลังกาย ช้ากว่าปกติ
- แต่ไม่มีผลใดๆกับ productivity และ creativity
- การนอน 4 ชั่วโมงแรก สำคัญที่สุด เพราะ เป็นเพียงช่วงการนอนเดียวที่ทำให้เราหลับลึก (หลังจากนอนเลย 4 ชม ไปแล้ว เราจะไม่หลับลึกมากแล้ว)
-
นอกจากนี้คุณภาพการนอนก็สำคัญ ถ้านอนได้มีคุณภาพ แม้จะนอนน้อยกว่า ก็ยังดีกว่า
- การนอนน้อยทำให้ การฟื้นตัวจากการออกกำลังกาย ช้ากว่าปกติ
- ช่วงนี้ติดเกมส์ด้วย ทำให้นอนดึก กิจวัตรประจำวันเสีย เริ่มเสพติด dopamine จากการเล่นเกมส์
- เล่นเกมส์แล้วรู้สึกชีวิตเคว้งคว้าง ไม่มีแก่นสารสาระ
- จริงๆ ชีวิตจริงก็ไม่ต่างกับเกมส์นะ เพราะ เกมส์จริงๆก็ย่อส่วนมาจากชีวิตจริง แต่ชีวิตจริงจะเป็นเกมส์ที่มีสาระจริงๆมากกว่า ต้องทำเองจริงๆ เหนื่อยจริงๆ และใช้ความพยายามในการเล่นมากกว่า แต่อาจไม่ได้น่าตื่นเต้นเท่าเล่นเกมส์ เพราะ ใช้เวลานานกว่าจะเห็นผลลัพธ์
- สุดท้ายเล่นเกมส์ไปสักพักก็เริ่มเบื่อ เพราะ เหมือนมันเป็นรูปแบบ (pattern) เดิมซ้ำๆ วนไปเรื่อยๆ อีกทั้งทนนั่งเล่นหลังขดหลังแข็งทั้งวัน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร ได้แต่ผลาญเวลาชีวิตอันมีค่าทิ้งไปเปล่าๆ
- ถ้าจะเล่น ให้เล่นเกมส์ฝึกทักษะการวางแผน หรือ ทักษะอื่นๆ แข่งกับผู้เล่นคนอื่นแบบออนไลน์ น่าจะยังดีกว่า เพราะ เราจะได้วัดความสามารถของเรากับคนอื่นด้วย แต่จริงๆ การเอาเวลาไปทำงานอดิเรกของเราน่าจะดีที่สุด เพราะ มันเป็นเกมในชีวิตจริงที่เราชอบ และเกิดผลลัพธ์จริงๆกับชีวิตเรา เช่น เขียนโปรแกรม ทำอาหาร ทำขนม ทำงานช่าง อ่านหนังสือวิชาที่ชอบ ฯลฯ
3 ธ.ค.
- รู้สึกเหมือนการนอน 4 ชม. ต้องใช้ความตั้งใจก่อนนอนเป็นเคล็ดลับ ซึ่งต้องทำเสมอคืนต่อคืน แต่มันอาจไม่ใช่การทำเป็นนิสัยแล้วจะตื่นไปได้เองตลอด
- เริ่มอ่าน Programming มากขึ้นแล้ว สนุกมาก
- การพัฒนาตนเองในช่วงนี้
- IF 23/1 กินวันละ 1 มื้อ มื้อละ 1-2 ชม. ยังคงเน้นธัญพืช+ไข่ไก่ เป็นหลัก เพราะ เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน และ ให้สารอาหาร อื่นๆ (โปรตีน ไขมัน แร่ธาตุ วิตามิน) ครบถ้วน โดยกินธัญพืชหลายชนิดรวมกัน
- ไม่ได้ออกกำลังกายบ่อย อาจจะไปวิ่ง 1 วันเว้น 2 วัน(ทุก 3 วัน) เพราะ สิ่งแวดล้อมไม่ค่อยเอื้ออำนวย
- นอน 4-8 ชม วันไหนลืมตั้งใจก่อนนอน จะเผลอนอนยาว
- กาแฟ ยังคงมีความจำเป็น ทุกครั้งที่ต้องการอ่านหนังสือ เพราะ ถ้าไม่มีจะไม่สามารถโฟกัสกับหนังสือที่อ่านได้เลย
2 ธ.ค.
- สาเหตุที่ช่วงนี้ไม่ค่อยเขียน blog ส่วนหนึ่งอาจ เพราะ ไม่ค่อยได้ไปวิ่ง เลยไม่ค่อยได้เกิดไอเดียดีๆเท่าไหร่
- วันนี้ไปวิ่งมาแล้ว แม้จะไม่ได้วิ่งนานหลายวัน แต่ก็ยังมีแรงวิ่งไม่ตก จากการ IF แล้วคงสภาพร่างกายไว้
- ช่วงนี้น่าจะต้องเริ่มเน้นไปที่การฝึกเขียนโปรแกรมอย่างจริงจังแล้วล่ะ เพราะ เป็นฝั่งเดียวที่ไม่ได้ก้าวหน้าเท่าไหร่เลย(การอ่านเตรียมสอบกับเขียนบล๊อก ก็ยังพัฒนาได้มากกว่า)
1 ธ.ค.
- ช่วงย้ายจากหอพักเดิมกลับมาอยู่ที่บ้านกับครอบครัว ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ ไม่ได้อ่านหนังสือ หรือพัฒนาตนเองอะไรเพิ่ม เพราะ สิ่งแวดล้อม ไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่ ทั้งคนและสถานที่ แต่สิ่งที่พัฒนาตนเองที่ยังคงทำได้คือ กินวันละ 1 มื้อ(IF 23/1) ซึ่ง ช่วยคงสภาพ(maintain) สิ่งที่เราฝึกฝนมาให้คงอยู่ และ ค่อยๆพัฒนาขึ้นไปอีก ทั้ง Growth hormone ที่ช่วยคงสภาพกล้ามเนื้อ ให้ไม่ต้องออกกำลังกายบ่อย กล้ามเนื้อก็ยังแข็งแรง หรือ BDNF ที่ช่วยให้เกิด Neuroplasticity (การเรียนรู้สิ่งใหม่ๆของสมอง)อยู่เสมอ
- จะนอนน้อยก็ทำไม่ได้ ที่บ้านไม่อนุญาต เพราะ รบกวนคนอื่น 555
- ต้องเตรียมสิ่งแวดล้อมใหม่ ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
Notes
** บทความนี้อยู่ใน หมวดหมู่ บันทึกประจำวัน ซึ่งมักจะเป็นเนื้อหาที่ ยังอยู่ในระหว่างการทดลองส่วนตัว ที่ยังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนได้ จึงขอแนะนำให้ผู้อ่านติดตาม จากเนื้อหาที่มีความเป็นปัจจุบันที่สุด โดยการคลิกที่ ลิงค์ "Tags"
ที่เกี่ยวข้องด้านล่าง เพื่ออ่านบทความที่เกี่ยวข้อง ที่มีการอัพเดตล่าสุด ได้เลยครับ
Add new comment