- Currently, I think I need to practice more programming after I haven't done it for a while. I will try using my diary writing as my life coach. I hope it will work. Also, I would write it in English to practice my English skills, simultaneously.
- there may be so much in technical and not many people understand or need to read it, so writing in my second language is a good opportunity.
- Just start it, and do it consistently. Consistency is the most important, no matter how slow or fast it is.
- I will start with the "Eloquent Javascript" book, read it at every morning for 2 hours.
- I feel quite stressed, but it is normal because programming uses a lot of logic. There is a mixing of stress and fun in programming. Your brain may never get rest to find the logic to solve the problem but it is fun and peaceful after it is solved.
- The "eloquent Javascript" book is quite easy and maybe too much basic. I think it is okay if I just read it by skimming though.
Dev logs
Every aspect of Programming and Developing experiences
life management system
- loop to-do list, for routine loop activities or study subject
- have a statistic or counting function to see how much each activity was done more or less
- use to track improvement in each activity
- have a statistic or counting function to see how much each activity was done more or less
- weekly planner
- calendar
- diary
- any post about daily life, routine, experience, with automatically time-tagged
- user can customly show posts in groups of day, week, month
- no title is needed
- any post also can be tagged specifically
- any post about daily life, routine, experience, with automatically time-tagged
- ideas
- any short idea or long article that is an idea, knowledge, discovering, or anyting important which is not about daily routine
- also, short note from books that is reading can use this function
- title is needed
- specific tag is more important than time tag
- investing plan
- tracking how much money that is invested
- money saving and wealth growing plan
- daily accounting
- can summary each spending type in month, year or average spending in a day
- can create your own blog, publicly or privately
- for public, require your own server, or cloud subscription and also domain name
- free sub domain system
ดีกว่า notion ตรงที่ specific ในเรื่องการพัฒนาตนเอง และ การจด diary
ดีกว่า drupal ตรงที่มี function loop to-do list
time tagged post คล้ายๆ twitter, facebook
Tags
https://www.youtube.com/watch?v=7GBlCinu9yg
เป็นการเรียนรู้เบื้องต้นที่ดีมากๆ
Tags
https://student.mit.edu/catalog/m6a.html อันนี้เป็น syllabus ของ computer engineering (CE) ของ MIT
- เอาชื่อ courses ย่อยๆ ไป search ใน youtube จะเจอคลิปของทั้งคอร์สอยู่
- ใต้คลิปจะมีลิงค์ไปยัง MIT course ware https://ocw.mit.edu/ อีกที ซึ่งจะมี lecture ให้โหลดด้วย
- จะได้เรียนเนื้อหาเหมือนกับที่สอนใน MIT เลย แต่อาจจะเก่าหน่อย แต่ก็ใช้ได้
- ถ้าไล่เนื้อหาตาม syllabus จนจบ ก็เหมือนได้เรียน computer engineering ได้เอง เทียบเท่าจบปริญญาเลย
- ทั้งนี้ บางคอร์ส อาจจะยังไม่มีชื่อเหมือนในปัจจุบัน ต้องลองหาคอร์สเก่าชื่อที่และรหัสคล้ายๆกันเอา เพราะ บางคอร์สในปัจจุบันเปลี่ยนชื่อและคนสอน ซึ่งยังไม่ได้สอนในปีนี้ เลยยังไม่มีคลิป
- * การ search หาชื่อ คอร์ส จะหาจากใน MIT course ware เลยก็ได้ ของ CE จะขึ้นต้นด้วย เลข 6
อื่นๆ
- https://github.com/AB1908/CS-Books/blob/dev/Curriculum.md/#data-structures-and-algorithms
- https://github.com/ossu/computer-science
cybersecurity
อันนี้ มีเป็น roadmap เลย ของสายงานต่างๆ ศึกษาไล่ตาม flowchart ได้เลย
Tags
(เริ่มด้วยการศึกษา Linux ยังไม่ได้เริ่ม Algorithm โดยตรง อาจจะดูอ้อมไปหน่อย แต่มันเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง ก็ไม่ได้นับว่าเสียเวลาอะไร เหมือนเป็นการเตรียมตัว เพื่อให้ใช้งาน Linux ได้อย่าง professional)
ถ้าเทียบ operating system กับรถยนต์ ก็เปรียบได้กับรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ รถยนต์แต่ละยี่ห้อ แม้จะใช้ขับเพื่อเดินทางได้เหมือนกัน แต่มีการสร้าง การควบคุม และการใช้งานที่ไม่เหมือนกันในรายละเอียด ถ้า Mac OS ก็น่าจะเหมือนรถยนต์ที่เน้นความ minimal เรียบหรู, Windows ก็มีปุ่มควบคุมเพื่อความสะดวกของผู้ใช้งาน, Linux อาจจะมีแผงควบคุมที่ให้ผู้ใช้ปรับแต่งได้ด้วยตนเองทั้งหมด(แต่อาจจะดูยากสำหรับมือใหม่)
การศึกษา Linux เหมือนเป็นการถอดแผงควบคุมรถยนต์ยี่ห้อหนึ่งๆ ออกมาดู ว่าแต่ละรายละเอียดปลีกย่อย ทั้งปุ่มควบคุม คันบังคับต่างๆ มีการเชื่อมโยงไปที่ส่วนใดในห้องเครื่องยนต์ และ ทำงานอย่างไร ตั้งค่าไว้อย่างไร เป็นต้น
โดยส่วนตัวเคยลองพยายามศึกษาด้วยตนเอง ผ่านบทความต่างๆในอินเทอร์เน็ต พบว่าไม่ค่อยปะติดปะต่อ อาจจะเป็นเพราะ มันค่อนข้างกระจัดกระจาย และไม่เป็นระบบ
แต่วิธีที่ได้ผลคือ การอ่านจากตำรา เพราะ ตำรามักจะถูกเขียนมาอย่างเป็นระบบ และ พาอธิบายในส่วนต่างๆตามลำดับอย่างเหมาะสม ทำให้เข้าใจขึ้นมาก ทั้งนี้ก็เพิ่งเริ่มศึกษาอาจจะไม่สามารถรับประกันได้ว่ามันจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่มันได้ผลกว่าเก่า
Tags
อ้างอิงบทความหลัก https://www.digitalocean.com/community/tutorials/how-to-install-linux-apache-mariadb-php-lamp-stack-on-debian-11
create username ใน mariadb แยก
https://www.digitalocean.com/community/tutorials/how-to-install-mariadb-on-debian-11
น่าสนใจ https://wiki.debian.org/LaMp เป็นการเอา public_html มาไว้ใน /home (เหตุผลด้าน security)
ถ้าสร้าง site แยก จะ load php ไม่ได้ ไม่รู้ทำไม ก็ใช้อันเดิมไปแหละ(internal 500)
php show error https://stackoverflow.com/questions/1053424/how-do-i-get-php-errors-to-display
php upload limit
upload_max_filesize = 20M post_max_size = 21M
ย้าย drupal มมา host ใหม่
https://websitemigrationguides.com/guide.php?migrate=6
กรณีมีปัญหา ให้ clear database cache
ปัญหา Internal Error 500 เกิดจากการไม่ได้ตั้งค่า PHP ให้แสดง Error เวลาที่ code ทำงานผิดพลาด จึงทำให้ Apache แสดงผลเพียงว่ามี Error ทั้งนี้สามารถตั้งค่าให้ display error ได้ ในไฟล์ php.ini
ช่วงนี้ปรับเปลี่ยน Server ของ blog ใหม่ เป็น Arm แทน ซึ่งจะใช้ของ Orange Pi 5 plus(ไม่ใช่ Raspberry pi)
- เคสแบบ official ที่เป็น passive cooling เพียงพอสำหรับ การทำ home server และการใช้งานทั่วไป แต่ถ้าอยากได้แรงๆ หรือใช้งานหนักๆ จะมี case ทีมมีพัดลม ต้องหาเลือกซื้อเอา
- ต้องมี power supply ดีๆหน่อย ไม่อย่างนั้นมันจะ reboot เอง ถ้าเกิด load งานหนักๆฉับพลัน
- คำสั่ง orangepi-config, nand-sata-install
- Rom debian image เริ่มต้น ยังเป็นbullseye(version 11)อยู่ ซึ่งสามารถแก้ในไฟล์ /etc/apt/sources.list เป็น bookworm (version 12) แล้วอัพเกรดได้
- สามารถอัพเดต debian เป็น bookworm ได้ แต่จริงๆ มี package ทีทำงานแล้วมี conflict กันอยู่(เป็นปัญหาของ Linux ใน Arm64 ไม่ใช่เกิดจากตัว Hardware ของ OrangePi)
วิธีการเอาตัวรอด เพื่อให้สามารถอยู่กับ bookworm คือ
- ในการอัพเดตหรือติดตั้ง ให้ใช้ apt ใน command line เท่านั้น เพราะ มันจะเช็ค compatibility ให้โดยอัตโนมัติ มันจะขึ้นว่า "The following packages have been kept back"
- อย่าใช้ App Discover ในการอัพเดต หรือ ติดตั้งแอพใหม่ เป็นอันขาด เพราะมันจะไม่เช็ค compatibility
- อย่าลงแอพแบบเป็น package ใหญ่ๆ รวดเดียว โดยเฉพาะ meta package เช่น ลง kde เป็นต้น เพราะ แม้แต่ระบบของ apt ก็จะไม่เช็คความเข้ากันได้ และ ลงทีละ package ย่อยๆ แบบ manual เพื่อป้องกันความผิดพลาด
- backup ระบบ ก่อนลง package ใหญ่ๆ หรือ upgrade ระบบ
- แต่เท่าที่ดู ปัญหาจริงๆจะเกิดจาก package ของ kde เพียงอย่างเดียว เพราะ official ก็มี XFCE ที่เป็น bookworm แล้ว มีแค่ KDE ที่ยังเป็น bullseye รวมถึง รุ่น server ที่ไม่มี desktop environment ก็เป็น bookworm แล้ว ถ้ามีปัญหาจริงๆ อาจจะลง xfce แทน หรือ ไม่ก็ใช้แบบ server อย่างเดียวเลย
แนวทางอื่นๆ คือ
- ไม่ต้องอัพเดตเป็น bookworm แต่ใช้การโหลด package แยก จาก repository อื่น
- เปลี่ยนไปใช้ ubuntu ที่มี package ใหม่กว่า ความเข้ากันได้ดีกว่า ไม่ต้องไปแอบหาช่องทางอัพเดต ถ้าเป็น debian kde จะมี option ไม่ครบ เช่น power setting สำหรับปิดหน้าจอเวลาไม่ใช้งาน สามารถติดตั้งเพิ่มได้ ด้วยkde-full(package ลงเพิ่มด้วย sudo apt install kde-full)https://wiki.debian.org/KDE#Installation
ลองปิด GUI ดูว่าคอมฯที่ใช้เป็น Server อยู่ จะกินพลังงานลดลงบ้างไหม(หาข้อมูลมา เหมือนว่าจะลดการใช้พลังงานในส่วนของ การประมวลผลของ GPU ลง)
- เข้าไปที่โหมด CLI ก่อนนะ ด้วยการกด
Ctrl+ Alt + F1
หรือ พิมพ์คำสั่ง ใน command linesudo init 3
-
ถ้าใช้ KDE ก็ใช้คำสั่ง
sudo service sddm stop
Gnome ก็ใช้คำสั่ง
sudo service gdm stop
Ubuntu ใช้คำสั่ง
sudo service lightdm stop
คำสั่งด้านบน เป็นการปิดชั่วคราว แต่ถ้าต้องการให้ ไม่ถูกเรียกใช้งานเมื่อเปิดเครื่อง ให้ใช้คำสั่ง
sudo systemctl disable sddm
อัพเดต
- สุดท้ายการใช้พลังงานลดลงเพียง 1 w เหมือนกับว่าเวลาที่เราไม่ได้ต่อหน้าจอ ก็จะตัดไฟที่ GPU โดยอัตโนมัติอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องทำวิธีนี้ก็ได้ จะไม่สะดวกกับชีวิตเปล่าๆ
Tags
*คำเตือน บทความนี้ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวแบบชาวบ้านๆ ผ่านมุมมองของผู้เขียน ที่มีความรู้เพียงน้อยนิดมากๆเกี่ยวกับเงินดิจิตอล และ เป็นเพียงแผนทางการเงินโดยส่วนตัวของผู้เขียนเอง ที่เขียนไว้ให้ตัวเองไม่ลืม ถ้าจะลงทุนอะไร ให้คำนึงถึงโอกาสขาดทุนเป็นหลัก เช่น ลงทุนตอนนี้ เกิดราคาตกเหลือเพียง 50% ในสัปดาห์ถัดมา จำนวนเงินที่หายไปครึ่งหนึ่ง ต้องไม่ทำให้เราเกิดความลำบากในการใช้ชีวิต เป็นต้น
โดยส่วนตัวก็ไม่ค่อยไว้ใจเงิน Fiat แต่กลับกันก็ไม่ชอบเงินดิจิตอลหลายๆสกุลเงิน เพราะ รู้สึกว่าไม่ตอบโจทย์ จากที่ยังมีปัญหามากมายอยู่
โดยความเห็นส่วนตัว ปัญหาของ เงินดิจิตอลที่มีอยู่ในปัจจุบัน คือ
- ใช้พลังงานไฟฟ้ามากเกินไป เช่น Bitcoin
- ใช้ทรัพยากรการประมวลผลมาก ใช้ประโยชน์จริงได้น้อย เช่น การขุด bitcoin เป็นต้น ซึ่งถือว่าไม่เหมาะสมกับหลักการเขียนโปรแกรม ที่ควรพยายาม ทำให้ใช้ทรัพยากรน้อยที่สุด แต่ทำงานได้เร็ว มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด
- ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมสูงเกินไป(จากการที่กินทรัพยากรไปมาก ทำให้ต้นทุนมากขึ้น ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น)
- ใช้งานยาก ขนาดเราเองโดยส่วนตัวยังใช้ไม่คล่องเลย ทำให้ไม่ได้ถูกใช้งานจริงอย่างกว้างขวาง(ไม่ mass adoption)
จากมุมมองของเรา เราคิดว่า ADA น่าจะเป็นสกุลเงินดิจิตอลที่ จะพัฒนาจนสามารถแก้ปัญหาข้างต้นของเงินดิจิตอลได้ และ มีโอกาสได้รับการใช้งานอย่างกว้างขวาง(mass adoption) ในอนาคต เพราะ มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่ใช่เพียงการแก้บัค หรือ เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ แบบการพัฒนาโปรแกรมทั่วๆไป แต่เป็นในเชิงงานวิจัยศึกษาจริงๆ เพื่อสร้างองค์ความรู้ เพื่อพัฒนาเป็นเงินดิจิตอลที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนขึ้นมา
ช่วงที่ผ่านมามีข่าวอยู่บ่อยๆ เรื่อง การที่ ADA เป็นสกุลเงินเดียว ที่มีการพัฒนาในด้านงานวิจัยที่มากที่สุด ในหมู่สกุลเงินดิจิตอล, มีการพัฒนาเพื่อใช้ประโยชน์ด้านการศึกษา ซึ่งไม่เหมือนสกุลเงินอื่น ที่เน้นแต่ด้านการเงิน การลงทุน ที่แฝงไว้ด้วยกำไรของผู้พัฒนา, การพัฒนาระบบ Social network ของชุมชน ADA เอง(Cardano spot) โดยเราคิดว่าน่าจะมีการต่อยอดไปเป็น super app ในอนาคต ซึ่งจะทำให้คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและใช้ได้จริงมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามสร้างสิ่งที่มีประโยชน์กับโลกอย่างแท้จริง
ในเรื่องความโปร่งใส ที่เหรียญคริปโตส่วนใหญ่ โฆษณากันว่าจุดเด่น คือ ความกระจายศูนย์(Decentalized), ความโปร่งใส(Transparency) ตรวจสอบได้ทุกอย่าง เพราะ เปิดเผยหมด เท่าที่ไปดูข้อมูลของเหรียญที่มี Market cap สูงสุด 10 อันดับแรก พบว่า
- เกือบทุกเหรียญมีลักษณะเดียวกัน คือ มีผู้ถือครองรายใหญ่(Rich holder) แบบนับจำนวนคนได้ ที่กินส่วนแบ่งของมูลค่าตลาดเกินครึ่ง หมายความว่า กลุ่มคนไม่กี่คนเหล่านี้ สามารถกำหนดทิศทางตลาดของเหรียญเหล่านั้นได้ทั้งหมด
- ที่แย่กว่านั้นคือ บางเหรียญต่อให้รายย่อยทุกคนรวมกัน ยังไม่เท่าคนเหล่านี้แค่ไม่กี่คนเลย ซึ่งมันไม่ใช่ลักษณะของเงินที่ดีแม้แต่น้อย เพราะ อย่างมากที่สุด ผู้มีอิทธิพลทางการเงิน ไม่ควรมีทรัพย์สินรวมกัน เกิน 10% ของตลาดทั้งหมด
- ถ้าให้เดาคนที่ครองส่วนแบ่งตลาดส่วนใหญ่ ก็คือผู้สร้างนี้แหละ
- ที่คอยโฆษณาว่า อำนาจกระจายศูนย์ และมีความโปร่งใส ไม่มีเบื้องหลังแอบแฝง อาจจริงแค่ในเชิงเทคโนโลยี แต่ไม่จริงในทางปฏิบัติ แสดงถึง การมีวัตถุประสงค์แอบแฝง ไม่โปร่งใส ไร้ความน่าเชื่อถือสิ้นดี
- ตรวจสอบข้อมูลสัดส่วนผู้ถือครอง ได้จากเว็บ Coincarp.com โดยเข้าไปดูข้อมูลแต่ละเหรียญ แล้วเลือกแท็บ Rich List จะมีข้อมูลสัดส่วนผู้ถือครอง 100 อันดับแรก ที่ตารางด้านขวา ว่ากินส่วนแบ่งตลาดไปเท่าไหร่
- รายชื่อเหรียญ ที่มีลักษณะดังกล่าว ที่ผู้ถือครอง 100 อันดับแรก กินส่วนแบ่งที่เยอะมาก ได้แก่ Ethereum 49.50%, Tether 88.10%, Binance Coin(BNB) 82.07%, USD Coin(USDC) 76.92%, OKB 24.60%(Top 10 holder), Dogecoin 66.72% จริงๆ มีเหรียญอื่นๆอีกมาก ที่มีลักษณะดังกล่าว แทบจะ เกือบทั้งหมดเลยก็ว่าได้
- แต่ก็มี บางเหรียญ ที่มีสัดส่วนผู้ถือครองค่อนข้างเหมาะสม แสดงถึงความโปร่งใส ค่อนข้างเชื่อถือได้ เรียงตามลำดับ คือ
- Bitcoin มีสัดส่วนผู้ถือครอง 100 อันดับแรก เพียง 13.71% ซึ่งนับว่าน้อยที่สุดในบรรดา Cryptocurrency สมกับที่ได้รับฉายาว่าเป็นทองคำดิจิตอล ไม่มีใครมีอิทธิพลกำหนดตลาดได้
- Cardano (ADA) มีสัดส่วนผู้ถือครอง 100 อันดับแรก อยู่ที่ 20.79% น้อยเป็นอันดับสอง รองจาก Bitcoin และถ้าดูข้อมูลเพิ่มเติม ผู้ถือครอง 10 อันดับแรก ของ ADA อยู่ที่ 8.74% เท่านั้น ถ้าเทียบกับ Bitcoin ที่มี Market cap เยอะกว่า 53 เท่า ยังมีผู้ถือครอง 10 อันดับแรก เป็นสัดส่วนถึง 5.40% เลย (ลองคูณดูว่าเป็นตัวเลขเท่าไหร่) แสดงถึง ความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือของผู้พัฒนา ADA ที่ดีมากในระดับหนึ่งเลยนะ แต่ก็ยังถูกควบคุมตลาดได้ง่ายกว่า Bitcoin นิดนึง
- Solana และ XRP มีสัดส่วนพอๆกัน คือ ผู้ถือครอง 100 อันดับแรกอยู่ ที่ประมาณ 33% ผู้ถือครอง 10 อันดับแรก ประมาณ 9% และ 11% ตามลำดับ
- * เพิ่มเติม มีตัวชี้วัดความ decentralized ของแต่ละblockchain อยู่ คือ Edinburgh Decentralization Index ซึ่งพบว่า cardano ได้คะแนนดีที่สุดในทุกๆตัวชี้วัด สูงกว่า Bitcoin อีก!!
โดยส่วนตัว สาเหตุที่เลือก ADA มากกว่า Solona หรือตัวอื่นๆ เพราะ ADA ให้ความเป็น Open-source มากกว่า ขณะที่ตัวอื่นๆ เช่น Solona มักได้รับทุนสนับสนุนจากบริษัทที่เป็นเชิงธุรกิจ(Commercial) ซึ่งมักจะมีวัตถุประสงค์อื่นแอบแฝงได้ หรือ การพัฒนาจะออกแนวสูตรสำเร็จทางธุรกิจไม่มีอะไรแปลกใหม่ ไม่มีอะไรนอกกรอบ
ถ้าเป็น Open-Source software ที่ดี เช่น Linux, Drupal ฯลฯ เราก็อยากจะสนับสนุนนักพัฒนาอย่างมาก เราก็คิดแบบนั้นเช่นเดียวกันคือ การลงทุนนี้ จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนนักพัฒนาบนเครือข่ายของ Cardano ที่พัฒนา ADA ให้สร้างสิ่งที่มีประโยชน์ต่อไป
ในเรื่องของการลงทุน จะซื้อADA ด้วยแนวคิดว่า เป็นการซื้อเงิน ที่ใช้ทำประโยชน์ได้หลายอย่าง และมีการพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อยๆตลอด มาเก็บไว้ ซึ่งคุ้มค่ามาก เพราะ ขนาดเรา ซื้อของที่เป็นวัตถุมา ยังเสื่อมสภาพได้ แต่ซื้อ ADA เหมือนซื้อ software ที่มีฟังก์ชั่นการทำงานมากขึ้น มีประโยชน์มากขึ้นเรื่อยๆ และ อัพเดตฟรีจากนักพัฒนา ตราบใดที่ยังไม่ทิ้งกัน ก็ดูแลกันไปตลอด
สำหรับเงินทุนที่จะใช้ซื้อ คือ เงินเก็บที่จะไม่ถูกใช้ในระยะเวลานาน, ส่วนเงินที่เหลือเงิน จะมีไว้ใช้เพียงแค่การดำรงชีวิตขั้นพื้นฐาน
สำหรับแผนการซื้อ ไม่ให้เสี่ยงมากนักในเบื้องต้น คือ
- ในช่วงนี้ โดยส่วนตัวมองว่าการขึ้นเป็นเพราะ ผู้คนกำลังสนใจ Bitcoin ทำให้เงินไหลเข้าตลาดคริปโต และดึงสกุลเงินต่างๆขึ้นไปด้วย ยังไม่ใช่เกิดจากการที่คนเห็นคุณค่าประโยชน์ของ ADA จริงๆ จึงอาจจะยังผันผวนทำให้ราคากลับลงมาได้อยู่ ช่วงนี้จึงยังคงเป็นระยะสะสม ADA
- ADA ที่สะสมมาได้ จะไม่ขาย และ ให้นำไป Staking เพื่อเพิ่มมูลค่าเรื่อยๆ
- ดูกราฟแบบรายสัปดาห์ หากสัปดาห์ไหน ราคาตก จะซื้อแบ่งเงินซื้อเพิ่มในวันพุธของสัปดาห์นั้น งบประมาณรวมอยู่ที่ 70,000 บาท(เป็นงบส่วนตัว ที่หากมูลค่าสูญหายก็ไม่เดือดร้อน) โดยมีเงื่อนไขตามภาพ
- ตอนนี้ ราคาขึ้น ก็ยังไม่ซื้อนะ สัปดาห์ไหนราคาตกค่อยซื้อ!!!
- เมื่อไหร่ที่ ADA เริ่มพัฒนาตนเองให้ใช้งานได้ง่าย และ มีประโยชน์หลากหลาย ทำได้ทุกอย่าง จนผู้ใช้งานเข้าถึงได้ง่าย(mass adoption) คงไม่ต้องพูดถึงเรื่อง การใช้พลังงานน้อย, ประหยัดทรัพยากรการประมวลผล แต่ทำงานได้รวดเร็ว มีเสถียรภาพ, ค่าธรรมเนียมต่ำ เพราะ มันผ่านเกณฑ์อยู่แล้ว(แต่อาจทำได้ดีขึ้นไปอีก) เมื่อนั้น ADA จะกลายมาเป็นสกุลเงินดิจิตอลที่คนใช้มากที่สุดได้
- ในเรื่องการเข้าถึงผู้คน อย่างน้อยตอนนี้เราคนหนึ่ง ที่ไม่ค่อยรู้เรื่องคริปโต ก็เริ่มเข้าถึงและ ใช้งาน ADA ได้ไม่ยากแล้วล่ะ!!
- ลักษณะการขึ้นของราคาที่ดี
- หากเกิดจากการค่อยๆยอมรับจากผู้ใช้งาน (mass adoption) จะทำให้ราคา มีลักษณะของการค่อยๆขึ้นช้าๆ แบบไม่ผันผวนรุนแรง เพราะ เกิดจากรายย่อยจำนวนมากเข้ามาถือสะสม อีกทั้งหากเป็นไปในลักษณะนี้ ราคามักจะไม่กลับลงไปอีก โดยมักจะต้องใช้เวลายาวนาน ค่อยเป็นค่อยไป อาจจะหลายปี ไม่ได้ใช้เวลาแค่ช่วงสั้นๆ
- ไม่ขึ้นแบบพุ่งขึ้นทีเดียวอย่างรวดเร็วและรุนแรง ที่มักจะมีผลจากการกระทำของรายใหญ่/ผู้มีอิทธิพลทางการเงิน หากเป็นในลักษณะนี้ ไม่แนะนำให้ซื้อ แต่แนะนำให้หาโอกาสขายทำกำไรบางส่วน เพราะ กราฟมักจะกลับลงมาที่เดิมจากการขายของรายใหญ่ แล้วเราค่อยกลับไปซื้อที่ราคาเดิมอีกครั้ง
- แต่ทั้งนี้ อาจมีอีกกรณีหนึ่ง คือ หากมีการล่มสลายของสกุลเงินดิจิตอลอื่น อาจส่งผลต่อราคาได้เช่นกัน ทั้งอาจทำให้ราคาขึ้นอย่างรุนแรง จากการที่ผู้ใช้งานทั้งรายย่อย/รายใหญ่เข้ามาในตลาด, หรือลงอย่างรุนแรงจากความกังวลแบบไร้เหตุผล หากเกิดจากสาเหตุนี้ จะไม่ขาย แต่ให้ซื้อเก็บเพิ่ม เพราะ ราคามีโอกาสขึ้นอีกมาก
- เนื่องจากว่าเรา บริหารความเสี่ยงไว้ มีการจำกัดงบ เท่าที่จะไม่ทำให้ชีวิตเรามีปัญหา เกิดว่าเราเข้าใจผิดแล้วขาดทุน เพราะ อาจมีCrypto ดีๆอีกมาก ที่เรามองข้ามไป ที่ดีกว่า ADA เราก็ยังไม่เดือนร้อนเท่าไหร่
ข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับ การพัฒนาของ Cardano
- เป็น Document สำหรับ Developer ที่เขียนไว้น่าศึกษามาก
https://developers.cardano.org/docs/get-started/ - "Ouroboros" บทความที่ได้รับการตีพิมพ์ ที่มีใจความสำคัญเกี่ยวกับระบบ Proof of stake ของ Cardano ที่มี citation สูงสุด(ในช่วงปี 2015-2019) ซึ่งจริงๆถือเป็นแกนหลัก หรือ หัวใจของ Cardano เลยทีเดียว
https://eprint.iacr.org/2016/889.pdf- https://dailycoin.com/cardano-ouroboros-understanding-ada-protocol
อันนี้เป็นการอธิบายแบบเข้าใจง่ายขึ้น
- https://dailycoin.com/cardano-ouroboros-understanding-ada-protocol
- มีการให้คนในชุมชน ADA ร่วมเสนอไอเดียในการพัฒนา รวมถึงโหวตสิ่งต่างๆที่มีผู้คนเสนอ กรณีตัวอย่าง เช่น มีโปรเจคว่าจะ ให้ทุนนักเรียน 5000$ สำหรับนักศึกษาที่ต้องการทุนสำหรับทดลองทำธุรกิจ โดยให้ส่งคลิปแสดงไอเดีย และให้ชุมชนช่วยกันโหวตคัดเลือกผู้ได้รับทุน รวมถึงสามารถช่วยบริจาคระดมทุนได้ด้วย เป็นต้น - โปรเจคใน Cardano มันเป็นประโยชน์กับโลกนี้จริงๆแฮะ
- เว็บอื่นๆ ในเครือข่าย ADA
- ประเด็นน่าสนใจ
- https://www.reddit.com/r/cardano/comments/mdnrq6/are_stake_pools_inherently_centralized/
มีการถกประเด็นว่า หากมีคนที่มีเงินทุนมาก แล้วเปิด Staking pool ได้หลาย node ถ้าสามารถควบคุมเสียงส่วนใหญ่ได้ 51% ก็จะสามารถควบคุมการทำธุรกรรมได้(take over network consensus)- ซึ่งมันเป็นไปได้ในทางทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติ ยังไม่มีใครสามารถทำได้ เพราะ ต้องใช้เงินมหาศาล เพื่อครอบครอง staking pool ให้ได้มากกว่า 51% ถึงอย่างไรก็ต้องระวังไว้เหมือนกัน, ตอนนี้IOHK เหมือนจะยังครอบครอง Staking pool มากที่สุด ประมาณ 20 มั้ง
- จะมีAlgorithm บางอย่างที่ทำเพื่อลดโอกาสเกิดปัญหาดังกล่าว ด้วยการใช้ตัวแปรบางอย่าง ที่ทำให้ reward ลดลง แต่ก็ดูยังไม่ค่อยตรงกับปัญหาเท่าไหร่
https://iohk.io/en/blog/posts/2021/03/04/not-long-till-d-0-day/ - มีคำแนะนำจาก Cardano เหมือนกันว่าไม่ควรแบ่งเป็นหลายๆ staking pool เพราะ จะทำลายความ decentralized แสดงถึงความไม่โปร่งใส และทำให้ reward โดยรวมลดลง ในส่วนของผู้ใช้ก็ต้องเลือก pool ที่เชื่อถือได้ ผ่านการคัดกรองจาก Cardano มาในระดับหนึ่ง อย่าไป staking กับ pool ที่ไม่โปร่งใส แบ่งหลายๆ pool ย่อยๆ
https://iohk.io/en/blog/posts/2020/11/13/the-general-perspective-on-staking-in-cardano/
- https://news.ycombinator.com/item?id=28074271
มีคนพูดถึงว่า proof of stake ดีกว่า proof of work อย่างไร เขียนได้ดีพอสมควรนะ แต่จะเลือกอะไรจริงๆ ก็ต้องดูความน่าเชื่อถือมาก่อนอยู่ดี - https://adapulse.io/why-governance-on-cardano-will-fail/
อันนี้เป็นบทความว่าด้วยเรื่องการ vote ออกเสียงในการตัดสินใจต่างๆ ว่า ADA ยังคงใช้ระบบเงินมาก มีคะแนนเสียงมากอยู่ - https://dailycoin.com/iohk-iog-engineering-company-behind-cardano-blockchain/
เป็นบทความที่อธิบายถึง โปรเจคย่อยๆของ Cardano ต่างๆที่น่าสนใจ, ความเป็น open-source และ การพัฒนาจาก เหล่า Developer ทั่วโลก
- https://www.reddit.com/r/cardano/comments/mdnrq6/are_stake_pools_inherently_centralized/
สรุป คือ โดยส่วนตัวมองว่า ADA ก็เป็นหนึ่งในเหรียญที่น่าสนใจ นอกจาก Bitcoin ซึ่งจริงๆ ก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละคนว่าชอบแบบไหน โดยส่วนตัวชอบ ADA มากกว่า
เพิ่งรู้ว่ามี Raspberry Pi ซึ่งเป็น Arm base processor กินไฟน้อย 2-4 watts แต่ยังใช้ทำงานง่ายๆไม่ต้องการการประมวลผลหนักๆได้ เหมาะมากกับอุปกรณ์ที่ต้องเปิดตลอด 24 ชั่วโมง แต่เนื่องจากแต่ก่อน chipset ขาดตลาด เลยทำให้ราคาแพงขึ้นมาก ล่าสุดเพิ่งออกรุ่นที่ 5 มา หวังว่าจะราคาถูกลง คุ้มค่ามากขึ้นนะ
มีอีกยี่ห้อนึง ของจีน Orange Pi 5 ซึ่งราคาถูกกว่า แะไม่ขาดตลาด ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจนะ
ซึ่งใช้ประโยชน์ได้หลากหลายมาก มีคนใช้เป็น Server, Desktop, Crypto Wallet