Skip to main content

ข้อเสียของ Social media

Submitted by krishrong on
  • กำไรของ Social media มาจากการดึงเวลาว่างในชีวิตผู้คน มาแปลงเป็นเงิน ผ่านการขายโฆษณา ยิ่งสามารถทำให้ผู้คนเอาเวลาว่างของตนเองมาใช้งานได้นานขึ้นมากเท่าไหร่ ก็จะขายโฆษณาได้มากขึ้นเท่านั้น
  • ระบบในการดึงเวลาผู้ใช้ให้ได้มากที่สุด คือ การหาข้อมูลที่ผู้ใช้สนใจมาป้อนให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งด้านหนึ่งก็มีประโยชชน์ แต่บางทีก็เหมือนดาบสองคมและเป็นโทษ ในกรณีที่ขาดการกลั่นกรองอย่างเหมาะสม เช่น ผู้ใช้งานเผลอไปดูการ์ตูนเรื่องหนึ่ง ระบบก็เข้าใจว่าผู้ใช้ชอบดูการ์ตูน และส่งการ์ตูนมาให้ดูเรื่อยๆ จนกลายเป็นคนติดการ์ตูนไป
  • เวลาในชีวิตที่ถูกดึงไป โดยปกติมักเป็นเวลาที่ผู้คน เอาไปใช้ทำงานอดิเรก ทำในสิ่งที่ตนเองสนใจโดยเฉพาะให้เชี่ยวชาญมากขึ้น หรือ พัฒนาตนเอง หมายความว่า ยิ่งถูกดึงเวลาไปใช้กับ Social media มากขึ้นเท่าไหร่ คนก็จะไม่ได้พัฒนาตนเองมากขึ้นเท่านั้น
    • สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เกิดคนที่รู้หลายอย่าง แต่ไม่ได้เก่งหรือเชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งเป็นพิเศษ ไม่มีอะไรโดดเด่น เป็นเหมือนๆกันหมด
  • ผู้คนหลงลืมความเป็นตัวเองไป จากเหตุผลที่ถูกดึงเวลาชีวิตไป จนไม่ได้พัฒนาในสิ่งที่ตนเองสนใจ หรือ สิ่งที่เราถนัดจริงๆ ต่อให้เราได้รู้และเข้าใจสิ่งที่เป็นที่นิยมอยู่ในSocialขณะนั้น แต่สุดท้ายกระแสสังคมไม่นานก็เปลี่ยนไป ความเข้าใจนั้นก็ไม่ได้ประโยชน์มากไปกว่าการเอาไปคุยกับคนอื่นรู้เรื่องในช่วงนั้น แต่การที่เราพัฒนาตนเอง พัฒนาความรู้ในด้านที่เราสนใจ ในสิ่งที่เป็นตัวเราจริงๆ ให้เก่งขึ้น เชี่ยวชาญขึ้น มันจะอยู่กับเราไปตลอด รวมถึงอนาคต คนอื่นจะต้องมาขอให้อธิบายสิ่งที่เราเชี่ยวชาญให้ฟังเสียอีก เผลอๆ อาจจะมีคนจำนวนมาก อยากฟังเรื่องที่เราพูด ไปตลอดทั้งชีวิตของเราเลย
  • เป็นการฝึกใช้เวลาว่างให้ไม่เกิดประโยชน์ แทนที่เวลาว่าง จะทำงานอดิเรก หรือแม้แต่หยิบหนังสือเล่มเล็กๆขึ้นมาอ่าน เพื่อให้ได้พัฒนาตนเองและสมองได้ใช้งาน แต่กลับมาเลื่อนหน้าจอ Social media เพื่อรอดูข้อมูลที่ถูกป้อนให้เรื่อยๆ สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตเราได้จริงๆ มาจากการเอาเวลาว่างอันน้อยนิด ที่มีอยู่ในแต่ละวัน มาพัฒนาตนเอง ไม่ใช่การเอาแต่อ่านข้อมูล ข่าวสาร ที่เปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ไม่ได้เพิ่มคุณค่าของตัวเราในระยะยาวจริงๆ

แนวทางแก้ไข

  • โดยส่วนใหญ่ ข้ออ้างในการเล่น Social media คือ การติดตามข่าวสาร ซึ่งถ้าอ่านข่าวจริงๆ แค่วันละครั้งก็พอแล้ว อย่างสมมติถ้าเปลี่ยนจาก Social media เป็น หนังสือพิมพ์ ที่นำเสนอข่าวสารประจำวันเหมือนกัน ก็ไม่ค่อยเห็นมีใคร เอามานั่งอ่านทั้งวัน ไม่เว้นแม้แต่เวลาว่างเลย จริงไหมนะ?! หรือ สิ่งที่ Social media มีนอกเหนือจากข่าวสาร คือ ความบันเทิง ที่ไม่ค่อยมีสาระประโยชน์มากกว่า
  • เคยลองใช้แบบจำกัดเวลาต่อวัน ทั้งกำหนดเวลาเอง และ การใช้โปรแกรมช่วย สุดท้ายก็ลืมและกลับไปเล่นยาวๆอยู่ดี
  • วิธีการสังเกตตัวเองว่า เสพติด social media หรือไม่ คือ ลองหยุดใช้งานดูสักวัน ดูว่าจะมีอาการกระสับกระส่าย ไม่มีอะไรทำ อยากจะกลับเข้าไปใช้ ทั้งๆที่ไม่มีธุระอะไรหรือไม่ ถ้ามีอาการแบบนี้ก็น่าจะเสพติดแหละ
    • สาเหตุเกิดจาก ความบันเทิง ที่เราได้รับจาก social media ทำให้เกิดการหลั่งสาร Dopamine ในสมอง
      • dopamine จะถูกหลั่ง เมื่อเราได้ทำ หรือ ได้รับ สิ่งที่เราชอบ สนุก เพลิดเพลิน
      • ซึ่งในธรรมชาติจริงๆ จะเป็นผลมาจาก การได้รับอาหาร การออกกำลังกาย หรือ การได้รับรางวัลต่างๆ เป็นต้น ซึ่งมักจะได้รับ หลังจากที่มีการกระทำที่ต้องอาศัยความพยายาม ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี ไม่ได้เป็นผลเสีย เป็นแรงกระตุ้นตามธรรมชาติ ให้เราทำสิ่งที่มีประโยชน์กับตัวเอง เพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไป
      • แต่ในยุคปัจจุบัน  เช่น การอ่าน ดู ฟัง เล่น สิ่งที่ทำให้เกิดความบันเทิงต่างๆ หรือ กระทั่งสิ่งเสพติด มันทำให้เราสามารถเกิดการหลั่ง dopamine ได้เรื่อยๆ แบบไม่ต้องใช้ความพยายามอะไร พอสมองได้รับบ่อยๆเข้า ก็จะเริ่มได้ผลน้อยลง ต้องทำมากขึ้นเพื่อให้ได้รับผลเท่าเดิม กลายมาเป็นอาการเสพติด ส่งผลให้ไม่สามารถ ทำกิจวัตรประจำวันอื่นๆได้ตามปกติ การทำงาน การเรียนเสียไป
      • จะมีวิธีการที่เรียกว่า Dopamine Fasting คือ การหยุดทำกิจกรรม ที่ทำให้เกิด Dopamine แบบผิดธรรมชาติ เพื่อให้สมองกลับมาทำงานในแบบปกติ
  • ถ้าเป็นไปได้ เลิกเล่น Social media หรือ ถ้ายังไม่ได้ ต้องใช้งานแบบเฉพาะกิจ โดยหลีกเลี่ยงหน้า Feed ที่มีการป้อนข้อมูลให้เราตลอดเวลา เช่น ใช้สำหรับเข้า Group เรียนเท่านั้น, สำหรับเข้าอ่านบางเพจที่เราติดตาม ที่มีสาระประโยชน์จริงๆ เป็นต้น
    • ส่วนหน้า Feed เอาไว้ดูแค่แป๊บเดียว เพื่อดูข่าวคราวคร่าวๆ แล้วรีบออก ไม่งั้นจะเผลอไปดูอีกยาว
  • วิธีที่ดีที่สุดน่าจะเป็นการเลิกใช้ไปเลย แล้วเอาเวลามาศึกษา ศาสตร์ต่างๆด้วยตนเองดีกว่า ยอมโง่กว้างแต่รู้ลึกในทุกเรื่องที่เรารู้ น่าจะเป็นประโยชน์กับชีวิตในระยะยาว มากกว่า การรู้กว้างขวางทุกอย่างแต่ไม่เพียงพอที่จะนำมาใช้ในชีวิตจริงสักอย่าง นอกจากนี้ หากเวลาผ่านไป ยิ่งเราเพิ่มศาสตร์ที่ศึกษาไปเรื่อยๆ ก็จะกลายเป็นผู้ที่รอบรู้ ทั้งรู้กว้างขวางและรู้ลึก และยังนำไปใช้ได้จริงอย่างกว้างขวาง และอาจเกิดการบูรณาการได้อย่างไม่สิ้นสุดในที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

ปล. Social media ที่หมายถึง คือ สื่อสังคมออนไลน์ทั้งหมด ที่ตนเองไม่ได้เป็นผู้สร้างเนื้อหาหลัก แต่อาศัยเนื้อหาจากผู้ใช้งานมาอัพเดตตัวเองตลอดเวลา เช่น Facebook, Youtube, Twitter, Tiktok เป็นต้น

Add new comment

The content of this field is kept private and will not be shown publicly.

Plain text

  • No HTML tags allowed.
  • Lines and paragraphs break automatically.
  • Web page addresses and email addresses turn into links automatically.