สาเหตุที่ทำให้กินธัญพืชแล้วทำให้เกิดแก๊สในลำไส้ นำไปสู่ อาการไม่พึงประสงค์ คือ ผายลม เนื่องจาก ธัญพืช มีน้ำตาลชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Raffinose ซึ่งเป็นน้ำตาลสายโซ่ (Oligosaccharide) แต่ร่างกายของมนุษย์ ไม่มีเอนไซม์สำหรับย่อยน้ำตาลชนิดนี้ เมื่อได้รับเข้าไป จะกลายเป็นอาหารของแบคทีเรียชนิดดี ที่อยู่ในลำไส้ ซึ่งกระบวนการย่อยของแบคทีเรีย จะทำโดยการหมัก ซึ่งทำให้เกิดแก๊สที่ไม่พึงประสงค์ขึ้น
แต่เนื่องจาก น้ำตาล Raffinose สามารถละลายน้ำได้ หลักการง่ายๆในการลดน้ำตาลเหล่านี้ คือ แช่ธัญพืชในน้ำ อย่างน้อย 8 ชั่วโมง(แช่ข้ามคืน) แล้วล้างน้ำหลายๆครั้ง เพื่อละลายน้ำตาลชนิดนี้ออก ก่อนนำมาทำอาหาร ก็จะสามารถลดได้จนไม่มีอาการไม่พึงประสงค์อีกเลย(ผายลม)
ทั้งนี้น้ำตาล Raffinose ไม่ใช่สิ่งไม่ดีนะ จัดว่าเป็น Prebiotic เพราะ ช่วยให้แบคทีเรียที่ดีในลำไส้ เจริญเติบโตขึ้น ลดความเสี่ยงการเกิดโรคในลำไส้ต่างๆ รวมถึงมะเร็ง ฯลฯ แต่ถ้ามีมากเกินไป มันก็ส่งผลกับการดำเนินชีวิตประจำวัน และ ต่อให้ล้างออก ประโยชน์ที่เหลืออยู่ในธัญพืช ก็ยังเหลือเฟืออยู่แล้ว
นอกจากนี้ ก็จะมีเคล็ดลับในการต้มธัญพืชให้นิ่มเร็ว คือ ในขณะที่แช่ข้ามคืน อย่างน้อย 8ชม. ให้ใส่เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 1 ลิตร ลงไปด้วยแช่ด้วย หลักการคือ เกลือจะค่อยๆแพร่(diffusion) เข้าไปเก็บไว้ ในเซลล์ของเมล็ดถั่ว/ธัญพืช ซึ่งเมื่อนำธัญพืชไปล้างน้ำ(หลังจากแช่มาอย่างน้อย 8 ชม) และ เติมน้ำใหม่สำหรับต้ม เราจะใช้เป็นน้ำจืด ไม่ใส่เกลือ หรือเครื่องปรุงใดๆ ซึ่งขณะนี้ จะเกิดความต่างของความเข้มข้น ระหว่างเกลือที่ถูกเก็บในเซลล์เมล็ดธัญพืช กับ น้ำจืดข้างนอก ซึ่งจะทำให้น้ำจากภายนอก ถูกดูดเข้าสู่เซลล์ เพื่อทำให้ความเข้มข้นเท่ากัน(หลักการ osmosis) ส่งผลให้ ธัญพืชชุ่มน้ำและนิ่มเร็วขึ้นมากๆ แต่ทั้งนี้ก็ยังคงต้องต้ม ในน้ำเดือด อุณหภูมิ 100 องศา อย่างน้อย 40 นาที เพื่อสลายสาร lectin และ จนกว่ากลิ่นเหม็นเขียวจะหายไป
โดยส่วนตัวสรุปเป็นวิธีทำ ดังนี้
- ตวงธัญพืชตามที่ต้องการ โดยหลังต้มจะพองออก 3 เท่า ถ้ากินในปริมาณ 2 มื้อ ก็ต้ม 2/3 ถ้วยกินข้าว หรือ ถ้าตวงตามน้ำหนัก จะตกอยู่ที่ 400 kcal ต่อ 100กรัม
- แช่น้ำข้ามคืน อย่างน้อย 8 ชม โดยขณะแช่ ให้เติมเกลือ 1 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 1 ลิตร, ผงฟู ครึ่งช้อนชา(ช่วยละลายยาฆ่าแมลงออก)
- เมื่อจะทำอาหาร ให้น้ำมาล้างน้ำเปล่า สัก 3 รอบ หรือจนน้ำหายขุ่น
- เติมน้ำเปล่าเพื่อต้ม โดยใช้ปริมาณมากกว่าธัญพืช 3 เท่า ไม่ต้องใส่เครื่องปรุงใดๆ(ต้องให้ความเข้มข้นของเกลือ ระหว่างในเซลล์ กับน้ำเปล่าข้างนอกต่างกันมากๆ เพื่อให้น้ำถูกดูดเข้าเซลล์)
- ต้มอย่างน้อย 40 นาที อาจต้มได้หลายวิธี (ถ้าต้มเดือดแล้วแช่ไว้ จะช่วยให้ยิ่งนิ่มขึ้นไปอีกได้)
- ต้มเดือด 20นาที แล้วปิดเตาทิ้งไว้ 30 นาที แล้วต้มเดือดต่ออีก 15 นาที
- ต้มเดือด 30 นาที แล้วปิดเตาทิ้งไว้ 30 นาที แล้วต้มเดือดต่ออีก 10 นาที
- ต้มเดือดอย่างน้อย 40 นาที
- ด้วยวิธีนี้ หากถั่วนิ่ม แต่ยังได้กลิ่นเหม็นเขียว ให้ต้มต่อนะ เพราะ ถ้ายังมีกลิ่นเหม็นเขียว แสดงว่ายังไม่สุก และ จะมีสาร lectin ที่ยังไม่ถูกทำลายอยู่ด้วย ถ้ากินเข้าไปอาจเป็นพิษต่อลำไส้ได้ โดยเฉพาะในธัญพืชบางชนิด เช่น ถั่วแดง จะมีสาร lectin ที่มีความเป็นพิษสูง อาจทำให้ท้องเสีย อาเจียน อย่างหนัก แม้กินเมล็ดดิบเพียงไม่กี่เมล็ด ก็อาจต้องเข้าโรงพยาบาลได้เลย
Add new comment