Skip to main content

สรุป ปัจจัยที่ทำให้มีสมาธิดีขึ้น

Submitted by krishrong on

เนื่องจากช่วงก่อนหน้า ค่อนข้างมีปัญหาเรื่องสมาธิในการอ่านหนังสือ แล้วก็พยายามหาปัจจัยที่เกี่ยวข้องมาเรื่อยๆ จนรวบรวมปัจจัยได้ประมาณหนึ่ง ดังนี้

ปัจจัยที่ทำให้มีสมาธิดีขึ้น

  • อาหาร
    • ชนิดของอาหาร
      • ไม่ควรกินอาหารที่ทำจากแป้งแปรรูป ในปริมาณมาก เช่น ขนมต่างๆ ข้าวขาวขัดสี เป็นต้น หากกินเกิน 250 kcal ใน 1 วัน อาจจะทำให้เกิดอาการขาดสมาธิ จากระดับน้ำตาลในเลือดที่เหวี่ยงขึ้น-ลงอย่างรวดเร็ว (พอกินได้ แต่อย่ากินเยอะ)
      • อาหารอย่างอื่นไม่ค่อยมีผล แต่ถ้าเป็นกลุ่มแป้ง(คาร์โบไฮเดรต) ควรกินแป้งไม่แปรรูป(คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน) เช่น ธัญพืช ข้าวกล้องไม่ขัดสี เป็นต้น
    • ปริมาณการกินอาหาร
      • กินแค่พออิ่ม โดยไม่ควรกินเกิน 600-700 kcal ต่อ 1 มื้อ ไม่ควรกินจนรู้สึกแน่นล้น ต่อให้เป็นอาหารสุขภาพก็ตาม เช่น แป้งไม่ผ่านกรรมวิธี ธัญพืช เป็นต้น หากกินมากเกินไป ระบบย่อยอาหารจะทำงานหนัก เลือดไม่ไปเลี้ยงสมอง ทำให้ไม่สามารถมีสมาธิไปหลายชั่วโมง จนกว่าจะย่อยเสร็จ
        • โดยส่วนตัว เคยพยายามทำ IF ด้วยการกินเพียงวันละมื้อ โดยการพยายามกินให้ได้พลังงานเทียบเท่ากับปกติ(1,200kcal)  เพื่อให้ยังคงมีแรงทำงาน ทำให้ต้องกินปริมาณมากในคราวเดียว(overeating) ผลคือ ไม่มีสมาธิ เสียเวลาอ่านหนังสือ/ทำงานได้ไม่ดี ไปหลายชั่วโมง จนกว่าจะย่อยอาหารเสร็จ จึงจะกลับมาเป็นปกติ
  • ออกกำลังกาย
    • ไม่ออกกำลังกายหนัก คือ ออกกำลังกายจนเพลีย มีงานวิจัยว่า ถ้าออกกำลังกายหนัก แบบวิ่งมาราธอน วันละ 1 ชม จะทำให้เกิดอนุมูลอิสระ, oxidative stress มากขึ้นแทน ส่งผลให้แก่เร็วขึ้นด้วย
    • โดยส่วนตัว ออกกำลังกายไม่เกินวันละ 15-20 นาที ก็ช่วยให้สมองเกิดไอเดียดีๆ เยอะมาก ทั้งการพัฒนาตนเอง การแก้ไขปัญหาชีวิต ฯลฯ
    • การออกกำลังกาย ร่วมกับ IF โดยออกกำลังกาย หลังกินอาหารมื้อสุดท้ายไป 4 ชม ช่วยเร่งประโยชน์จากการ Fasting ให้เกิดเร็วขึ้น ประมาณ 3-4 ชม.
  • ศีล 8 - เป็นทั้งการ ทำ Intermittent Fasting ในเรื่องการงดอาหารหลังเที่ยง และ การทำ Dopamine Fasting ในเรื่องการงดสิ่งบันเทิงต่างๆ ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างมากในการทำให้มีสมาธิมากขึ้น
  • นั่งสมาธิ

ปัจจัยที่ทำให้สมาธิแย่ลง

ส่วนใหญ่ปัจจัยที่ทำให้สมาธิแย่ลง มักเป็นผลจากการทำกิจกรรม ที่มีการกระตุ้น dopamine ให้เกิดขึ้นแบบไม่เป็นธรรมชาติ เช่น การดูหนัง/การ์ตูน เล่นเกมส์ เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบัน เราเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ได้ง่ายมาก และแทบจะไม่จำกัด ซึ่งเมื่อมีการทำบ่อยๆ สมองจะลดการหลั่ง dopamine ลง ส่งผลให้ ต้องทำกิจกรรมเหล่านั้นมากขึ้น เพื่อให้ได้รับ dopamine เท่าเดิม จนเกิดสิ่งที่เรียกว่า การเสพติด และ อยากได้สิ่งเหล่านี้มากขึ้นๆไปอีก จนควบคุมตนเองไม่ได้ เป็นหลักการเดียวกับคนติดยาเสพติด ซึ่งการงดเว้นสิ่งเหล่านี้ เรียกว่า dopamine fasting

  • เล่นเกมส์ จริงๆมีงานวิจัยว่า การเล่นเกมส์บางประเภท เช่น tetris ช่วยให้มีสมาธิดีขึ้น สมองส่วนวางแผนดีขึ้น แต่เกมส์บางประเภท อาจทำให้หัวร้อน หงุดหงิด หรือ ติดเกมส์(เกิดจากการเสพติด dopamine) ก็ทำให้ สติแตก สมาธิกระเจิงแทน และ จริงๆ ทักษะหลายๆอย่าง สามารถเรียนรู้จากชีวิตจริง ได้ดีกว่าการฝึกจากเกมส์
  • ดูหนัง/ดูการ์ตูน จริงๆ โดยส่วนตัวคิดว่าไม่ได้มีผลกับสมาธิเท่าไหร่ แต่จะเป็นเรื่องเสียเวลาชีวิตไปเปล่าๆมากกว่า และถ้าทำเป็นนิสัย เวลาว่างแทนที่จะเลือกอ่านหนังสือหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อเพิ่มความรู้ สติ สมาธิ ก็จะกลายเป็นหาอะไรเพลินๆดูเรื่อยเปื่อยแทน ซึ่งจะทำให้สมองไม่ได้ถูกใช้งาน จนกลายเป็นนิสัยที่ไม่ค่อยใช้ความคิด สมองฝ่อ

พอทำอย่างที่บอกไป ตอนนี้ก็กลับมามีสมาธิ อ่านหนังสือได้ทั้งวันแล้ว

Add new comment

The content of this field is kept private and will not be shown publicly.

Plain text

  • No HTML tags allowed.
  • Lines and paragraphs break automatically.
  • Web page addresses and email addresses turn into links automatically.