มิตรที่ควรคบ คือ
- มิตรที่คอยแนะนำประโยชน์ซึ่งกันและกัน(ทางธรรมะ เรียกว่า กัลยาณมิตร)
- คอยตักเตือนเมื่อทำในสิ่งไม่ดี
- อยู่ด้วยแล้วรู้สึกว่าช่วยเสริมพลัง ให้ตัวเราอยากพัฒนาชีวิตตนเอง ยิ่งขึ้นไป
มิตรที่ไม่ควรคบ โดยคร่าวๆ คือ
- มิตรที่อยู่ด้วยแล้ว ทำให้ สติสัมปชัญะ การคอยตรวจสอบตนเองของเราลืมเลือนไป เช่น ล่อหลอกให้มัวเมาในสิ่งบันเทิง อบายมุข เป็นต้น
- การพัฒนาตนเองของเรา เสื่อมถอย หรือ ลดลง แย่กว่าเดิม หรือ พยายามทำให้เราไม่ได้พัฒนาตนเอง
- หวังผลประโยชน์จากเรา หรือ หวังทำลายประโยชน์เรา
- อยู่ด้วยแล้ว รู้สึกสูญเสียพลังไปเปล่าๆ กับเรื่องไร้ประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับชีวิต
ตามหลักมงคลชีวิต ข้อแรก คือ การไม่คบคนพาล ซึ่งไม่ได้หมายถึงอันธพาลหรือนักเลง แต่หมายถึง ผู้ที่ไม่รู้ว่า อะไรดี ไม่ดี, อะไรคือ บุญ อะไรคือบาป, อะไรคือ ประโยชน์ อะไรคือโทษกับชีวิต เป็นต้น ซึ่งมงคลชีวิตข้อต่อมา คือ คบบัณฑิต ยังตามมาเป็นข้อที่ 2 หมายความว่า ชีวิตเราต้องพยายามออกห่างจากคนพาล เป็นอันดับที่1 ต่อให้ยังไม่ได้พบบัณฑิต ก็จะไม่เลือกเข้าไปอยู่กับหมู่คนพาล ทั้งนี้ บัณฑิต ไม่ได้หมายถึงผู้มีการศึกษาสูงนะ เพราะ ผู้มีการศึกษาสูง ไม่ได้รับประกันว่าจะเป็นคนดี หรือ คิดดีกับเรา แต่ บัณฑิต คือ คนที่เข้าใจชีวิตระดับหนึ่ง และ รู้อะไรถูก อะไรผิด มีสติปัญญา(โดยเฉพาะความเข้าใจทางธรรม)
อยู่คนเดียว ยังพัฒนาตนเองได้มากกว่า อยู่ในหมู่คนพาล ที่คอยแต่จะขัดขวางการพัฒนาตนเองของเรา แต่หากได้อยู่ในหมู่กัลยาณมิตร ที่คอยแนะนำประโยชน์แก่กัน ก็พัฒนาตนเองได้มากที่สุด
ทั้งนี้หากชีวิตต้องอยู่ในหมู่คนพาล อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้? จะทำอย่างไรดี คนเหล่านี้เต็มไปด้วยความแปรปรวนเปลี่ยนแปลงไปตาม กิเลส อารมณ์ และผลประโยชน์ของตน ถ้าเขาทำดีกับเราก็อย่าไปยินดี หรือทำไม่ดีกับเราก็อย่าไปยินร้าย พวกเขาสามารถเปลี่ยนกลับไปกลับมาได้ทุกเมื่อ อย่าแม้แต่จะไปรักหรือเกลียดคนพาล เพียงแค่ทำความรู้สึกว่าคนเหล่านี้ คือ ความว่างเปล่า ประดุจดังไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้น มีแต่อากาศธาตุ หรือ หาวิธีอย่างไรก็ได้ ให้ใจเราวางเฉยกับคนพาลเหล่านี้ เพราะ หากเราไม่วางเฉย แม้ทางกายภาพเราออกห่าง แต่ความรู้สึกทางใจ อาจมีส่วนในการทำให้เราต้องกลับไปมีปฏิสัมพันธ์อีก เช่น เห็นคนพาลเล่นในสิ่งบันเทิง ชวนให้หลงมัวเมา แม้เราพยายามไม่พูดคุยมีปฏิสัมพันธ์ แต่ถ้าใจเรายินดี อนาคตเราก็อาจจะไปเล่นกับเขา ไม่วันใดก็วันหนึ่ง หรือ ต่อให้เราเกลียดเขา เราก็จะเกิดการผูกโกรธ อนาคตหากเราเจริญกว่าเขาแล้ว ก็อาจจะไปหาทางแก้แค้นต่างๆนานา กลายเป็นตัวเราหาเรื่อง ไปเข้าหาเขาเองอยู่ดี เป็นต้น
วิธีที่คนพาลจะทำร้ายเราได้
- ทำให้เราโกรธแล้วต้องไปทะเลาะกับเขา จนเสียเวลาทััง2ฝ่าย
- เวลาของเขานั้นโดยปกติเขาก็ไม่ทำให้เกิดประโยชน์กับชีวิตเขาเองอยู่แล้ว การทะเลาะของเขาจึงไม่เสียประโยชน์อะไร
- แต่เวลาของเราที่ปกติเราเอาไปทำประโยชน์ให้กับตนเองและผู้อื่นได้มากมาย กลับสูญเปล่าไปกับการทะเลาะ ตัวเราจึงขาดทุนอย่างมาก - ทำให้เราหลงเพลิดเพลินกับสิ่งบันเทิง หรือ ชักนำให้เราหลงผิด
- ก็เป็นเรื่องความเสียเวลาอันมีค่าในชีวิตเช่นกัน กว่าจะกลับมามีสติรู้ตัวจากความหลง ก็อาจเสียเวลาชึวิตไปมากแล้ว
แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าอย่างไร ถ้าเป็นไปได้ ก็ควรหาทางหลีกเลี่ยงคนพาล จะดีที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่คุ้มกับประโยชน์ที่เราเสียไป เพราะ เมื่อเราเข้าไปในหมู่คนพาล การฝึกฝนพัฒนาตนเองของเราจะทำได้ยากมาก เวลาที่เสียไปนั้นมีค่ามากจนแทบประเมินคุณค่าไม่ได้เลย ไม่ว่าด้วยเหตุผลด้าน การเงิน ชื่อเสียง เกียรติยศ หรือ อื่นใด หากต้องอยู่ในหมู่คนพาล ขอยอมไม่เอาสิ่งเหล่านั้นจะดีกว่า(เพราะ มันไม่คุ้มในระยะยาว ถ้าเราพัฒนาตนเองได้ ถึงอย่างไร ทรัพย์ เกียรติ ความสำเร็จ ก็จะมาสู่เราเอง การคบคนพาลมีแต่จะเสียทุกสิ่งไป รวมถึงผลประโยชน์ตรงหน้า ที่คนพาลหยิบยื่นให้ ไม่มีวันยั่งยืน มีแต่จะเอาไว้ล่อหลอกเรา และสุดท้ายก็แทงข้างหลังเราอีกที)
ทางธรรมะ มีพุทธพจน์หนึ่งว่า หากไม่เจอคนที่ดีกว่าตน หรือ ดีเสมอกับตน ก็จงพึงพอใจในการอยู่คนเดียว เพราะ ความเป็นมิตรแนะนำประโยชน์ ไม่มีในหมู่คนพาล
https://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=33&p=7
https://pantip.com/topic/41863640#comment11
โดยส่วนตัวชอบอยู่คนเดียว แล้วหาวิธีพัฒนาตนเองไปเรื่อยๆ, มีหนังสือที่ดีเป็นกัลยาณมิตร เช่น พระไตรปิฎก ธรรมะ เป็นต้น และ ในชีวิต มีมิตรที่คอยแนะนำประโยชน์ซึ่งกันและกัน ที่สัมผัสได้จริงๆไม่กี่คน มักเป็นมิตรที่คบหากันด้วยใจ, อุดมการณ์, การให้เกียรติ และ ด้วยสติปัญญา(ทางธรรม) ซึ่งแม้จะไม่ได้พบกันบ่อย แต่ก็ยังคิดถึงกันเสมอ และการคุยกันไม่กี่ครั้ง ก็ยังมีประโยชน์มากกว่า การคลุกคลีกับหมู่คนพาล อย่างมาก
Add new comment