บันทึกของบี

บันทึกการเดินทาง บนเส้นทางเดินชีวิต – ของคนธรรมดาคนหนึ่ง

แนวทางการนั่งสมาธิ(มือใหม่)

โดยส่วนตัวฝึกสมาธิมาตั้งแต่มัธยม ฝึกบ้าง ไม่ฝึกบ้าง(10 กว่าปี) จนมาเริ่มฝึกจริงจังตอน 1 ปีก่อน ฝึกแบบมีวินัยทุกวัน เหมือนการออกกำลังกาย ซึ่งก็ค่อยๆพัฒนาขึ้น จากที่เคยทำแล้วมีแต่ความอึดอัด เพราะ จะไปบังคับลมจนผิดธรรมชาติ พอฝึกเรื่อยๆ ก็ค่อยๆผ่อนคลายสบายเป็นธรรมชาติขึ้น ทำได้นานขึ้น สงบขึ้น

หลักสำคัญในการฝึก จะอยู่ในอานาปานสติสูตรทั้งหมด โดยทุกคำของพระพุทธเจ้ามีความหมายสำคัญ​ แต่ตรงตัว โดยจะขอยกตัวอย่างเท่าที่ตัวเองพอจะมีสติปัญญาทำได้ ซึ่งจะเป็นช่วงต้นของอานาปานสติสูตร ดังนี้

อานาปานสติ  ภิกฺขเว ภาวิตา  พหุลีกตา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, อานาปานสติอันบุคคลเจริญทำให้มากแล้ว

มหปฺผลา  โหติ  มหานิสํสา
ย่อมมีผลใหญ่มีอานิสงส์ใหญ่

อานาปานสติ  ภิกฺขเว ภาวิตา  พหุลีกตา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, อานาปานสติอันบุคคลเจริญทำให้มากแล้ว

จตฺตาโร  สติปฏฺฐาเน  ปริปูเรนฺติ
ย่อมทำสติปัฏฐานทั้งสี่ให้บริบูรณ์

จตฺตาโร  สติปฏฺฐานา   ภาวิตา  พหุลีกตา
สติปัฏฐานทั้งสี่อันบุคคลเจริญทำให้มากแล้ว

สตฺต  โพชฺฌงฺเค  ปริปูเรนฺติ
ย่อมทำโพชฌงค์ทั้งเจ็ดให้บริบูรณ์

สตฺต  โพชฺฌงฺคา ภาวิตา พหุลีกตา
โพชฌงค์ทั้งเจ็ดอันบุคคลเจริญทำให้มากแล้ว

วิชฺชาวิมุตฺติํ ปริปูเรนฺติ
ย่อมทำวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์

กถํ  ภาวิตา  จ  ภิกฺขเว  อานาปานสติ  กถํ  พหุลีกตา
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, ก็อานาปานสติอันบุคคลเจริญทำให้มากแล้วอย่างไรเล่า

มหปฺผลา   โหติ   มหานิสํสา 
จึงมีผลใหญ่มีอานิสงส์ใหญ่











-> ตรงนี้คือ ถ้าปฏิบัติถูกทาง จะมีตัวชี้วัดคือ สติปัฏฐานจะต้องเจริญขึ้น สติและสมาธิดีขึ้น ไม่ใช่เคลิบเคลิ้ม ลืมเนื้อลืมตัว หรือ บังคับจนเครียด



















อิธ  ภิกฺขเว  ภิกฺขุ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, ภิกษุในธรรมวินัยนี้

อรญฺญคโต  วา
ไปแล้วสู่ป่าก็ตาม

รุกฺขมูลคโต   วา
ไปแล้วสู่โคนไม้ก็ตาม

สุญฺญาคารคโต   วา
ไปแล้วสู่เรือนว่างก็ตาม

นิสีทติ   ปลฺลงฺกํ  อาภุชิตฺวา
นั่งคู้ขาเข้ามาโดยรอบแล้ว

อุชุํ   กายํ   ปณิธาย   ปริมุขํ   สติํ   อุปฏฺฐเปตฺวา
ตั้งกายตรง ดำรงสติมั่นเฉพาะหน้า

โส  สโตว  อสฺสสติ สโต ปสฺสสติ
ภิกษุนั้นเป็นผู้ มีสติอยู่นั้นเทียวหายใจออก มีสติอยู่หายใจเข้า






-> หลีกเร้นกาย เข้าหาที่สงบสงัด ปราศจากสิ่งรบกวน เช่น เสียง, ผู้คน




-> นั่งขัดสมาธิ แบบ เอาขาวางทับกัน หรือ ขัดสมาธิเพชรก็ได้

-> ตั้งกาย ยืดตัวตรง เป็นรากฐานของการทำสมาธิทุกชนิด ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะจะทำให้หายใจได้คล่องขึ้น
-> มีสติ เฉพาะกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า คือ ลมหายใจในปัจจุบัน
-> มีสติในแต่ละลมหายใจที่ออกและเข้า

ดังที่ยกตัวอย่างมา เป็นเพียงบทเริ่มของอานาปานสติ สำหรับบทเต็ม สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่นี่ (pdf) แนะนำให้สวดท่องจำไว้

เคล็ดจริงๆในการฝึกคือ ทำไปทีละขึ้น ตามลำดับทุกคำที่พระพุทธเจ้าบอกไว้ หากลองทำขั้นต่อไปแล้วยังไม่ได้ ก็กลับมาทำขึ้นก่อนหน้า เช่น หากนั่งแล้วคิดฟุ้งซ่าน ไม่มีสติกับลมหายใจ หรือ บังคับลมจนอึดอัด ให้กลับมานั่งหลังตรงไปก่อน แล้วค่อยๆกลับมาสังเกตลมหายใจบ้างทีละนิดๆ เป็นต้น

เบื้องต้น อาจฝึกทำครั้งละ 15 นาที เช้า-เย็น หลังอาบน้ำเสร็จ ร่างกายจะตื่นตัวและจะทำได้ดี แต่หากเป็น หลังตื่นใหม่ๆ อาจยังงัวเงียจนไม่มีสติกับลมหายใจ หรือ ก่อนนอน ก็อาจง่วงจนเผลอหลับไปก่อนจนไม่ได้ฝึกเสียที

ซึ่งโดยส่วนตัว ขอออกตัวก่อนว่า ยังไม่สามารถทำสมาธิแบบลึกๆได้ เป็นเพียงสมาธิแบบตื้นเขินที่พอจะทำให้ดำรงชีวิตได้ดีขึ้นบ้างเท่านั้น และ ทุกวันนี้ยังคงอัดอัดบ้าง มีเคลิ้มๆหลงๆขณะทำสมาธิบ้าง แต่ก็สามารถมีสติกับลมหายใจได้ยาวนานและเกิดความสุขสงบมากขึ้น รวมถึงบางทีก็มักจะได้ข้อสรุปทางความคิด หรือ ไอเดียใหม่ๆขณะนั่งสมาธิได้ด้วย ต่างจากเมื่อก่อนมาก ที่จะมีแต่ความอึดอัด หรือ คิดฟุ้งซ่านอุดตลุด ซึ่งก็อาจพออนุมานได้ว่า ผิดน้อยลง = ถูกทางมากขึ้น

เคล็ดอีกอย่างคือ ฝึกอย่างมีวินัย ให้ความสำคัญเป็นวิถีชีวิต เหมือนการออกกำลังกายที่ต้องทำเป็นประจำ เพราะ จริงๆสมาธินั้น เนื่องอยู่กับสมองส่วน Grey matter และสมองอีกหลายๆส่วน ซึ่งต้องให้เวลาอย่างต่อเนื่อง ในการพัฒนาใยประสาทที่เกี่ยวข้องกับสมาธิ จึงจะค่อยๆทำได้ดีขึ้นๆ

Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *