บันทึกของบี

บันทึกการเดินทาง บนเส้นทางเดินแห่งชีวิต – ของคนธรรมดาคนหนึ่ง

ทดลอง อดอาหารต่อเนื่อง 3 วัน

สิ่งสำคัญ คือ ดื่มน้ำให้ได้ 1.5 ลิตร, กินเกลือ วันละ 1.5 ช้อนชา(แบ่งกิน 3 เวลา), วันแรกออกกำลังกาย HIIT ได้ เพื่อเร่งการเผาผลาญให้เข้า ketosis เร็วขึ้น แต่วันที่ 2-3 งดออกกำลังกายหนัก เพราะ ไม่จำเป็นแล้ว แต่ให้ออกกำลังกายสมองแทน

  • กินเกลือ 3เวลา หลายๆที่บอกว่าให้กิน ครั้งละ 1/2 ช้อนชา รวมวันละประมาณ 1.5 ช้อนชา
    • เพราะ ในช่วงอด ร่างกายจะไม่หลั่งฮอร์โมน insulin เพื่อกระตุ้นให้ไตดึง Sodium กลับสู่กระแสเลือด และ มีการสูญเสียเกลือแร่ไปกับปัสสาวะ หากไม่กินเกลือชดเชย จะขาด Sodium และ ทำให้ ความดันตก จนเกิดอาการหน้ามืด รวมถึงอาการอื่นๆ เช่น​ เป็นตะคริว อ่อนเพลีย สมองคิดอะไรไม่ออกได้
    • ลองคำนวณจากงานวิจัย(อ้างอิง)
      • ในช่วงอด ปริมาณ Sodium ที่สูญเสีย ในแต่ละวัน คือ 1-15 mEq
        หรือ 15mEq x 23mgNa/mEq= 345 mg ต่อวัน
      • เกลือ 1 กรัม(ไม่เกิน 1/2 ช้อนชา) มีโซเดียม 400mg (อ้างอิง)
      • หมายความว่า กินเกลือ วันละ ครึ่งช้อนชา ก็น่าจะพอแล้ว(มีคำแนะนำจากแพทย์เช่นกัน คลิป)
  • ดื่มน้ำ ให้ได้วันละ 1.5ลิตร
    • ร่างกายเราประกอบด้วยน้ำ 70%
    • น้ำสำคัญมากในทุกกระบวนการ ทุกอวัยวะในร่างกาย
    • ต่อให้กินเกลือเยอะขึ้น แต่ถ้าดื่มน้ำน้อย ก็ไม่ช่วยให้หายหน้ามืด(ไม่แน่ใจเพราะอะไร แต่ที่พบกับตัวเองเป็นแบบนี้ อาจเป็นเพราะ หากปริมาณน้ำโดยรวมในร่างกายไม่พอ ก็ไม่มีน้ำไปเพิ่มความดันเลือด?)
  • ในวันที่ 2-3 ออกกำลังกายปานกลาง-เบาได้ และ ควรออกกำลังกายทุกเช้า เพื่อกระตุ้นการเผาผลาญ แต่งดออกกำลังกายหนัก เพราะ จะต้องสงวนแรงเพื่อเอาไปออกกำลังกายสมองแทน เช่น อ่านหนังสือ, นั่งสมาธิ, เล่นเกมส์ฝึกสมอง(เช่น Tetris) ซึ่งก็มีการปลดปล่อย BDNF เหมือนกัน ไม่ต่างกับการออกกำลังกาย HIIT แต่ฝึกทักษะได้ตรงจุดกว่า

สิ่งที่พบ หลังจากลองทำการอด84ชม แบบนี้มา 3 รอบ

ข้อดี

  • รู้สึกว่าสงบขึ้น ความรู้สึกราบเรียบขึ้น ไม่หวือหวาหรือแปรปรวนง่าย อ่านหนังสือได้เองโดยไม่ต้องฝืน ควบคุมตนเองได้ดี เหมือน dopamine reserve เพิ่มขึ้น?
  • ทำสมาธิได้ลึกมาก
  • ชะลอวัยจริงจัง เพราะ มีระยะเวลาเกิด Autophagy ยาวนานกว่า 60 ชม

ข้อเสียที่พบคือ

  • แม้ว่าการโฟกัสจะดีขึ้น 200% แต่หลังอด ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ความสามารถในการทำหัตถการ ประสิทธิภาพในการทำงาน ก็ยังคงเท่าเดิมไม่ได้พัฒนาขึ้น
    • การโฟกัสที่ดีขึ้นชั่วคราว จะเหมือนหมาป่าหิวโซ ที่การอดอาหารทำให้สมาธิและประสาทสัมผัสไวขึ้นเป็นเท่าตัว เพื่อการล่าเหยื่อและเอาตัวรอด ไม่ได้เกิดจากสมองที่พัฒนาขึ้นจริงๆแต่อย่างใด
  • ในภาพรวมกลับพบว่า การอดแบบนี้มาตลอด 3 สัปดาห์ ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น เมื่อเทียบกับการอดวันเว้นวัน(Alternate day fasting) โดยวัดจากประสิทธิภาพโดยรวมและปริมาณงานที่ทำได้ ที่ลดลง เช่น ความคิดหรือไอเดียดีๆก็เกิดน้อยลง คิดพิจารณาสิ่งต่างๆลดลง คิดอะไรซับซ้อนไม่ได้ อ่านข่าว Reuter น้อยลง อ่านหนังสือได้น้อยลง เหมือนร่างกายพยายามสงวนพลังงานไว้ในวันอด จึงลดการคิดลง
  • หลังอดพบว่า ขี้หลงขี้ลืมมากขึ้น แทนที่ความจำจะดีขึ้น เริ่มเกิดเป็นความเลอะเลือนมากขึ้นแทน มักจะไม่แน่ใจว่าเราทำสิ่งนี้ๆไปรึยังนะ จนต้องกลับไปดูซ้ำ = > อาจแสดงถึงความถดถอย อาการนี้ไม่เคยเกิด หากเทียบกับตอนอดวันเว้นวัน

วิเคราะห์ผล

  • อดยาวๆ เกิน 48ชม อาจไม่ได้มีผลในเรื่องการพัฒนาสมองมากนัก พอลองกับไปทบทวนงานวิจัยที่เคยอ่าน(Intermittent metabolic switching)[อ่านฟรี] จะมีข้อสังเกตว่า การจะเกิดการพัฒนา ต้องมีการ สลับไปมาระหว่าง ช่วงอดกับช่วงกิน(metabolic switch) โดยการอดที่นานพอ(อย่างน้อย 18ชม และออกกำลังกาย) จะทำให้เกิด Stress ที่ดีต่อสมอง ซึ่งจะกระตุ้นให้ตอนกลับมาในช่วงกิน(recovery period) ร่างกายมีการตอบสนองด้วยการสร้างเพิ่มมากกว่าเดิม เช่น มีการผลิต mitochondria มากขึ้น, insulin sensitivity ดีขึ้น เซลล์ประสาทสามารถใช้ Glucose ได้ดีขึ้น, เพื่มการเชื่อมโยงใยประสาท(synaptic plasticity), เซลล์ประสาททนต่อสภาวะเครียดได้ดีขึ้น(เซลล์สมองฝ่อตายยากขึ้น)
  • อดอาหารต่อเนื่องยาวๆ อาจไม่ช่วยเรื่องการ growth เช่น ความ energetic, productive, idea เป็นต้น แต่มักจะได้ประโยชน์ในแง่การจำศีล ชะลอวัย เพิ่มสมาธิ อารมณ์คงที่ ลดการเสพติด มากกว่า อย่างไรก็ตาม การ prolonged Fasting เป็นครั้งคราวก็ช่วยปรับสมดุลชีวิตได้ดี ก็เป็นหนึ่งในการพัฒนาตนเองเหมือนกัน

สรุปว่า ต่อไปจะลดอดหลายวัน เพราะ อดอย่างเดียว ไม่กินเลย ก็ไม่เกิดการพัฒนาเท่าไหร่ อาจทำทุก 2 สัปดาห์ โดยที่เหลือจะเปลี่ยน กลับมาอดข้ามวัน 36 ชม แต่จะขยายวันกินอาหารเป็นสองวัน เพราะ กิน6มื้อในวันเดียวไม่ไหว(ลำบากระบบย่อยอาหาร และ ระบบเผาผลาญ) และติดตามผลใน 2-3 สัปดาห์ ว่ามีพัฒนาการในชีวิตไหม

สิ่งที่เคยทำแล้วได้ผลดี

  • อดข้ามวัน วันเว้นวัน(IF 36/12) ร่วมกับ HIIT พัฒนาการเร็วมาก
    • ข้อเสีย คือ วันที่กิน ต้องกิน 6 มื้อ เพื่อให้ได้ calories ครบสำหรับอีกวัน ซึ่งยากลำบากต่อระบบการเผาผลาญของร่างกายมาก รวมถึงการนอนหลับก็ไม่ดี เพราะ แน่นท้องจากการกินเยอะ
    • ข้อดี คือ แม้จะมีการอักเสบจากวันที่กินเยอะ การอดข้ามวัน ก็ยังดีพอที่จะทำให้ร่างกายกลับมาดีกว่าเดิมได้
    • ปรับปรุง หากเพิ่มเวลาการกินเป็น 2วัน แล้วอด 1 วัน ก็จะไม่ต้องกินเยอะในวันเดียว(วันละ 4.5 มื้อ) อาจทำให้ปัญหาการอักเสบจากการกินมากในวันเดียว(น้ำตาลในเลือดสูงนาน) ลดลง อาจทำให้พัฒนาเร็วขึ้นกว่าการพยายามกิน 6 มื้อ ใน 1 วัน แล้วอดอีกวัน?
  • อด 18ชม กิน 6 ชม(IF 18/6) มีพัฒนาการ แต่ช้า แต่ยังไม่เคยลองทำร่วมกับ HIIT อาจจะดีก็ได้นะ?

ที่กำลังจะลอง(เป็นการปรับปรุงจากสิ่งที่ทำแล้วได้ผลดี ที่กล่าวในข้างต้น)

  • กิน 2 วัน แล้วอดข้ามวัน 1วัน
    • ปัญหา พบว่าวันที่กินอาหาร โดยเฉพาะวันที่สอง มักจะเป็นวันที่พบความแปรปรวนของปัจจัยที่ส่งผลจากการกิน ทั้งกินไม่ทัน ออกกำลังกายไม่ดี นอนไม่พอ จนส่งผลให้อ่านหนังสือแย่ลง เสียเวลาไป 1 วัน แม้ว่าการอดข้ามวันอีกวัน จะยังได้ผลดี
  • One meal a day(IF 22/2) ตอนเย็นทุกวัน ร่วมกับออกกำลังกาย HIIT วันเว้นวัน
  • ลองทำ Prolonged fasting 80 ชม อีกครั้ง โดยทำอย่างมีประสบการณ์​และดูผลว่าดีกว่าไหม

ลองแล้วไม่ได้ผล

  • HIIT อย่างเดียว โดยไม่อด(IF 12/12)
    • ข้อสังเกต คือ Stress อาจไม่มากพอ เพราะ ออกกำลังกาย HIIT แค่ 10นาที และ ทำไม่ได้ทุกวัน เพราะ ใช้กล้ามเนื้อหนัก
  • Prolonged fasting อดต่อเนื่อง 3 วัน 84 ชม
    • ข้อสังเกต คือ แม้การอดยาวๆจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพเซลล์ที่มีอยู่เดิม แต่ถ้าไม่มีการรับสารอาหารใหม่เข้ามา ก็จะยังไม่สามารถสร้างเพิ่มได้อยู่ดี การอดยาวๆ โดยไม่มีช่วงสลับมากิน จึงไม่ได้ผลดีเท่าไหร่ในการพัฒนาสมอง
  • อดมื้อเช้า แล้วกินมื้อเที่ยงกับเย็น เพราะ จะไม่มีแรงทำงาน จากช่วง เปลี่ยนผ่านระหว่าง Glucose ไป ketone ที่กินเวลาชม.ที่ 12-18 พอดี

ตารางสรุปการอดแบบต่างๆ

Alternate day fasting with HIIT exercise on fasting dayProlonged fasting with HIIT on feeding day and light exercise on fasting dayOne meal a day with HIIT on every other day
Productivity(reading books, reading Reuters, ideas, energy)AC
Meditation/ working FocusAS
MoodAS
Self controlAS
Stomach comfort & complianceCBA
Intelligent ImprovementGradually, but it is noticeable…(lack of enough data)
The improvement will come lately on feeding day???
– Better communication(Faster react)
– Deeper meditation

บันทึกการอดต่อเนื่อง 3 วัน

ก่อนอด กินอาหาร 4 วัน เพื่อเพิ่มน้ำหนักให้ได้ 2-3 กก. การกินอาหาร ยังคงเน้นโปรตีน และ ออกกำลังกาย HIIT, Weight training เพื่อสร้างกล้ามเนื้อ

  • กินอาหารวันแรก แน่นพอควร
  • กินอาหารวันที่สอง แน่นท้องจนไม่อยากทำอะไร ไม่ได้อ่านหนังสือ ดูแต่การ์ตูน

วันอด

วันที่ 1(24-36 ชม.)

  • ตอนเช้า ออกกำลังกาย HIIT(High intensity)
  • กินเกลือ ครั้งละ 1/2 ช้อนชา วันละ 3 เวลา
  • สมองยังไม่แล่นเท่าไหร่นัก รู้สึกร่างกายอ่อนเพลีย เพราะ ยังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน จากการใช้พลังงานจากแป้งและน้ำตาล เป็นพลังงานจากการสลายไขมัน

วันที่ 2(36-60 ชม.)

  • ตอนเช้า ออกกำลังกายความหนักปานกลาง (Moderate) ตอนเช้า เพื่อกระตุ้นให้อัตราเผาผลาญไขมันเพิ่มขึ้น จะได้ไม่อ่อนเพลีย ไม่หน้ามืด และรู้สึกมีแรงสำหรับทำงานในวันนั้น
  • กินเกลือ ครั้งละ 1/2 ช้อนชา วันละ 3 เวลา
  • รู้สึกว่าสมองกลับมาทำงานปกติ(ไม่เร็ว ไม่ช้า) ทำงานประจำได้ปกติ แต่ก็ยังมีอืดๆ ตอนใช้ความคิดเยอะๆ เช่น คิดเลขในใจ
  • รู้สึกอ่านหนังสือได้สบายๆ ไม่ต้องพยายามเพ่งสมาธิให้ลำบาก อ่านหนังสือได้ไหลลื่นไม่ติดขัด(ดีกว่า วันที่กินอาหารปกติ เล็กน้อย)
  • ตอนเย็น ผิวหน้า มีการผลัดเซลล์ใหม่ สังเกตได้ตอนล้างหน้า เหมือนผิวชั้นเก่าถูกลอกออกและได้ผิวหน้าใหม่

วันที่ 3(60-84 ชม)

  • ตื่นมาหน้ามืด
    • มาพบภายหลังว่า ถ้าดื่มน้ำน้อยไป จะมีอาการ แม้จะกินเกลือแล้ว แต่พอกระดกน้ำเยอะๆ ก็หายหน้ามืด กลับมามีแรงปกติ
  • ตอนเช้า ออกกำลังกายเบา(เท่าที่ไหว)
    • ขาเริ่มอ่อนแรง เพราะ ออกกำลังกาย(วิ่ง)เมื่อวาน จน Glycogen ในกล้ามเนื้อหมด แล้วไม่มีพลังงานเติมเพิ่ม อาการที่พบคือ ลงบันไดลำบาก รู้สึกกล้ามเนื้อขา ยวบยาบไม่มีแรง
    • อาจเปลี่ยนเป็นออกกำลังกายเบาก่อนในวันที่สอง
  • กินเกลือ ครั้งละ 1/2 ช้อนชา วันละ 3 เวลา
  • การโฟกัสเพิ่ม 200% ทำงานหัตถการที่ยากได้อย่างดีเยี่ยมกว่าที่เคย เหมือนการรับรู้สัมผัสมือละเอียดขึ้น ทักษะการทำหัตถการเพิ่มขึ้น รู้สึกเหมือนสามารถคำนวณหลายปัจจัยได้ในเวลาเดียวกัน รวมถึงขับรถได้ดีขึ้นด้วย
  • รู้สึกอ่านหนังสือได้สบายๆ ไม่ต้องพยายามเพ่งสมาธิให้ลำบาก อ่านหนังสือได้ไหลลื่นไม่ติดขัด
  • ตกเย็น หลังจากดื่มน้ำเยอะๆ ก็เริ่มกลับมามีแรงปกติ เขียนบล๊อกได้ดี มีไอเดียดีๆเริ่มแว๊บขึ้นมาเหมือนตอนอดข้ามวัน ใช้ความคิดได้ดีขึ้น(แต่การคิดเลขในใจยังคงยากมาก) และ มีแรงซักผ้าเป็นปกติ
    • ที่หน้ามืด รู้สึกอ่อนเพลียไม่มีแรง เพราะ แม้จะกินเกลือตามเวลา แต่ถ้าดื่มน้ำน้อย ความดันโลหิตก็เพิ่มไม่ได้อยู่ดี

Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *